ทุกครั้งที่เดินทาง สายบิวตี้บ้าเครื่องสำอางอย่างเราๆ ก็อดจะวิตกกังวลไม่ได้ เกี่ยวกับน้ำหนักกระเป๋าที่จะแพ็คไปอย่างไรดี โดยเฉพาะถ้าหากไม่ได้ซื้อน้ำหนักสำหรับโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องบินด้วยแล้วล่ะก็จะให้ทิ้งที่สนามบิน ย่อมเป็นเรื่องที่ฆ่ากันให้ตายดีกว่า แต่ละอย่าง แต่ละขวดนั่นเงินทั้งนั้น บางขวดถึงขั้นยอมอดข้าวเป็นเดือนๆ เพื่อเก็บเงินซื้อเลยทีเดียว แต่จะให้ไม่เอาติดกระเป๋าไปด้วยก็ไม่ได้ บางอย่างก็จำเป็นต้องใช้จริงๆ นี่นา อย่างที่รู้กันดีสำหรับสายเดินทางว่าห้ามนำของเหลวขึ้นเครื่องเกิน 1,000 มิลลิลิตร แต่เครื่องสำอางที่เรามีใช้อยู่รวมๆ กันก็ปาเข้าไปหลายพันมิลลิลิตรเสียแล้ว แล้วจะทำยังไงดีล่ะ มาค่ะ ไม่ต้องกังวล Wandeehouse จะมาแชร์เคล็ดไม่ลับด้วย เทคนิคจัดกระเป๋าเครื่องสำอาง ฉบับไม่โหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องกันค่ะ
6 เทคนิคจัดกระเป๋าเครื่องสำอางแบบไม่โหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง
1. ทำบิวตี้ลิสท์เครื่องสำอางที่จำเป็น
ในแต่ละทริปการเดินทาง จะมีรายละเอียดเครื่องสำอางชิ้นที่ต้องใช้ต่างกันค่ะ ปัญหาสภาพผิวในช่วงนั้นของเรา สภาพภูมิอากาศของจุดหมายปลายทางที่เราจะเดินทางไป กิจกรรมการเดินทางที่เราวางแผนไว้ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกไอเท็มที่จำเป็นในการนำติดตัวไปด้วยทั้งนั้น ใช้ข้อกำหนดเหล่านี้เป็นตัวพิจารณาว่าจะนำชิ้นไหนติดตัวไปด้วยบ้าง แล้วจดเป็นบิวตี้ลิสท์ออกมาค่ะ ขอแนะนำว่า คัดเอาเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้นจริงๆ นะคะ
2. เครื่องสำอางแบบมัลติฟังก์ชั่นได้ก็ดี
ถ้าเครื่องสำอาง 1 ชิ้น สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างก็จะดีมากค่ะ ช่วยเราประหยัดพื้นที่ เบาน้ำหนักในกระเป๋าเราได้ อย่างเช่น บลัชครีม ที่สามารถนำมาแต่งตา แก้ม และปากได้ อย่างนี้ก็จะเริ่ดมาก ประหยัดเวลาในการแต่งหน้าอีกด้วย หรืออย่างเจลว่านหางจระเข้ ก็จะขาดไม่ได้เลยสำหรับทริปไปทะเล ดำน้ำ ท้าแดดกัน เพราะผิวจะไหม้ง่ายดายมากค่ะ พกไว้ทาบรรเทาร้อนก็ได้ หรือถ้าผิวไหม้ก็จะได้ใช้เลย
3. พกพา Travel Size
อะไรเบาได้...ให้เบาค่ะ พกไปในปริมาณเท่าที่จำเป็น ตามกฎของสนามบิน ห้ามนำของเหลวขึ้นเครื่องเกิน 1,000 มิลลิลิตรโดยแต่ละขวดก็ต้องไม่เกิน 100 มิลลิลิตรอีกต่างหาก อย่าลืมอ่านขนาดบรรจุขวดให้ดีนะคะ เพราะโลชั่นบางขวดขนาดเล็ก แต่ก็บรรจุเกิน 100 มิลลิลิตรก็มี นี่คือประโยชน์ของการจดทำบิวตี้ลิสท์ก่อนเพื่อจัดกระเป๋าเครื่องสำอางของเราให้ดี ถ้าเป็นอะไรที่เรามีใช้อยู่แล้วก็แค่หาขวดมาแบ่งสำหรับแพ็คลงกระเป๋า ก็จะช่วยเราประหยัดได้มากกว่า แถมยังไม่สร้างขยะเพิ่ม เพราะขวดเหล่านี้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้เรื่อยๆ อีกต่างหาก แหม สวยด้วย รักษ์โลกด้วยนะเราเนี่ย
หรืออย่างเครื่องสำอางบางชิ้นก็ไม่จำเป็นต้องพกไปทั้งแพ็คเกจจิ้งก็ได้ คุณสามารถปาดอายแชโดว์และบลัชออน แต่ละสีด้วยสำลีแบบก้าน หรือแบบก้อนแบ่งบรรจุในถุงซิปล็อคตามจำนวนวันที่เดินทาง ส่วนลิปสติกกับครีมบำรุงผิวก็สามารถตัดแบ่งออกมาใส่ตลับแบ่งยาหรือตลับคอนแทคเลนส์ไว้เลือกทาได้ตามต้องการ
4. เลือกกระเป๋าเครื่องสำอางให้ดี
กระเป๋าควรมีช่องเก็บอุปกรณ์หลากหลาย แยกช่องบรรจุเพื่อให้ง่ายต่อการกวาดสายตา หยิบใช้ได้เลย ไม่ต้องรื้อหา และช่วยรักษาแพ็คเกจจิ้งของเครื่องสำอางไม่ให้แตกเสียหาย และถ้ากระเป๋าทำจากพลาสติกก็จะช่วยเรื่องกันเครื่องสำอางหกออกมาเปื้อนเสื้อผ้าได้ และทำความสะอาดได้ง่ายกว่าแบบผ้าค่ะ
5. เทคนิคกันกระแทก
แรงดันอากาศจากภายนอกอาจทำให้ของเหลวที่บรรจุอยู่ภายในเกิดระเบิดออกมาได้ การปิดซีลบริเวณฝาด้วยสก็อตเทปอีกรอบก็เป็นความระมัดระวังรอบคอบที่ควรทำ หรือ บรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางบางชิ้นอาจบอบบางต่อแรงกระแทก การห่ออัดในม้วนเสื้อผ้าหนาๆ ก็ช่วยกันกระแทก กันแตกได้เป็นอย่างดี
อย่างเช่น การนำขวดน้ำหอมใส่ในถุงเท้าหรือม้วนในเสื้อผ้า หรือการนำแผ่นสำลีไปวางในตลับบลัชออนหรือแป้งพัฟเพื่อกันกระแทกจนแตกละเอียดได้ค่ะ
6. ใช้กระดาษเช็ดเครื่องสำอางแทนการพกเมคอัพรีมูฟเวอร์แบบขวด
การแบกเมคอัพรีมูฟเวอร์แบบขวดไปด้วยจะกินน้ำหนักไม่ใช่น้อยค่ะ ถ้าหากเป็นการเดินทางเพียงทริปสั้นๆ ไม่ได้ไปอยู่เป็นเดือนๆ เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดนั้น พกกระดาษเช็ดเครื่องสำอางไปจะสะดวกใช้และสะดวกเดินทางมากกว่า ประหยัดน้ำหนักไปได้อีกเยอะทีเดียวนะคะ
ด้วยเทคนิคเหล่านี้ จะช่วยคุณเบากระเป๋า ประหยัดค่าน้ำหนักไปได้เยอะทีเดียว ออกทริปคราวหน้า อย่าลืมเอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันนะคะ และถ้าคอนเทนต์นี้ดี มีประโยชน์แล้วล่ะก็ อย่าเก็บไว้รู้คนเดียวค่ะ แชร์ต่อๆ กันไปนะ มีเพื่อนบอกเพื่อน มีญาติบอกญาติ เทคนิคดีๆ แบบนี้ โลกต้องรู้จ้า
Source : www.airportthai.co.th และ Cosmopolitan