น้ำหนักตัวของคนเราประกอบไปด้วยน้ำถึง 60 - 70 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 2 ใน 3 ของร่างกายเลยทีเดียว ทั้งนี้ในแต่ละวันร่างกายอาจสูญเสียน้ำได้จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย การเดินทาง สภาวะอากาศที่ร้อนจัด ฯลฯ การดื่มน้ำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก แต่คนส่วนมากก็มักจะหลงลืมการดื่มน้ำในอัตราปริมาณที่เหมาะสมตามที่ร่างกายเราต้องการอยู่บ่อยครั้ง และเพื่อเป็นการจูงใจให้เราๆ เห็นความสำคัญของการดื่มน้ำกันมากขึ้น มาดูคุณประโยชน์จากการดื่มน้ำเปล่ากันค่ะ
น้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อกระบวนการทำงานภายในร่างกาย เช่น การล้างสารพิษออกจากอวัยวะ หรือการนำสารอาหารและออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่าง ๆ รวมถึงประโยชน์อื่น ๆ ดังต่อไปนี้
- ช่วยลดน้ำหนัก ช่วยให้อัตราการเผาผลาญพลังงานแคลอรี่เพิ่มสูงขึ้น
- ช่วยบำรุงสุขภาพผิว ชะลอริ้วรอย
- ช่วยลดกลิ่นปาก
- เป็นส่วนประกอบของน้ำหล่อลื่นข้อต่อ
- เสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร
- ขับแบคทีเรียจากกระเพาะปัสสาวะ
- มีส่วนช่วยทำให้อัตราการเต้นของหัวใจปกติ
- ควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย
- ควบคุมความดันโลหิต
- ป้องกันอาการท้องผูก
- ป้องกันความเสียหายของเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ
- รักษาสมดุลของอิเล็กโตรไลต์ (โซเดียม)
ปริมาณการดื่มน้ำที่เหมาะสมมีดังนี้
อย่างที่เราเคยเรียนกันมาตอนเด็ก ๆ ว่าร่างกายเราต้องการน้ำวันละ 8 แก้วก็เพียงพอแต่จริงๆ แล้วปริมาณน้ำที่เหมาะสมอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เช่น กิจกรรมที่ทำ เพศและอายุ เป็นต้น
สำหรับผู้ที่อายุ 4-8 ปี 5 แก้วต่อวัน (ประมาณ 1,200 มล.)
สำหรับผู้ที่อายุ 9-13 ปี 7-8 แก้วต่อวัน (ประมาณ 1,600-1,900 มล.)
สำหรับผู้ที่อายุ 14-18 ปี 8-11 แก้วต่อวัน (ประมาณ 1,900-2,600 มล.)
สำหรับผู้หญิงที่อายุ 19 ปีขึ้นไป 9 แก้วต่อวัน (ประมาณ 2,100 มล.)
สำหรับผู้ชายที่อายุ 19 ปีขึ้นไป 13 แก้วต่อวัน (ประมาณ 3,000 มล.)
Source : Freepik
ทั้งนี้ อาจจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำให้มากขึ้น เมื่อต้องออกกำลังกายอย่างหนัก อยู่ในสภาพอากาศร้อน ป่วย มีไข้หรือมีปัญหาสุขภาพ หรือผู้ที่กำลังจะรับการฉีดวัคซีนโควิด - 19 เป็นต้น โดยเฉพาะหากกำลังตั้งครรภ์ ควรเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำเป็น 10 แก้วต่อวัน และ 13 แก้วต่อวันสำหรับแม่ที่ให้นมลูก
7 เทคนิคที่จะช่วยให้เราดื่มน้ำได้มากขึ้น
1. เพิ่มรสชาติ ให้น้ำน่าดื่มขึ้น
บางคนอาจจะไม่ชิน หรือไม่ชอบดื่มน้ำเปล่าเท่าไหร่ เพราะจืด ไม่มีรสชาติ อาจเพิ่มรสชาติให้น้ำด้วยการแช่ผักหรือผลไม้ที่ชอบลงไป ถ้าเป็นเทคนิคแบบไทยโบราณคือการใส่น้ำยาอุทัยทิพย์ผสมลงไปในน้ำ ส่วนเทคนิคจากแดนตะวันตก คือการหั่นผัก หรือ ผลไม้ลงไปแช่ในโถน้ำ หรือ เหยือกน้ำ เรียกว่า infused water เพื่อเพิ่มกลิ่นและสีสันให้ดูน่าดื่มมากขึ้นนั่นเองค่ะ
2. ดื่มน้ำทุกครั้งก่อนเข้านอน และหลังตื่นนอน
พยายามทำให้เป็นกิจวัตรนะคะ ทำทุกวัน ทุกครั้งก่อนเข้านอนและหลังตื่นนอน จะช่วยรีเฟรช เติมความสดชื่นให้กับร่างกาย และยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้คล่องตัวขึ้นค่ะ
3. จิบน้ำก่อนกินข้าว
วิธีนี้จะช่วยเตรียมพร้อมระบบทางเดินอาหารสำหรับการย่อยอาหาร และยังช่วยให้รู้สึกอิ่มง่ายขึ้น ทำให้เราไม่กินเยอะจนเกินไป เป็นวิธีควบคุมน้ำหนักแบบทางอ้อมอีก 1 วิธีเลยค่ะ
4. ใช้เทคโนโลยีช่วยเตือน อย่างเช่น แอพ “Carbodroid” ทั้งช่วยเราคำนวณปริมาณน้ำที่เราดื่ม และมีแจ้งเตือนเวลาให้เรากินน้ำในระหว่างวันด้วย หรือ กระบอกน้ำอัจฉริยะ HidrateSpark 3 และ Steel เหมาะมากกับใครก็ตามที่มีปัญหาดื่มน้ำน้อยโดยกระบอกน้ำอัจฉริยะจะช่วยแจ้งเตือนให้ได้ว่าควรต้องดื่มน้ำเพิ่มระหว่างวันอีกเท่าไหร่ พร้อมคำนวณปริมาณน้ำให้เองอัตโนมัติ ชีวิตดีสุดๆ ไปเลย
5. วางขวดน้ำไว้ใกล้ๆ ตัว
พกพาขวดน้ำไปด้วยทุกที่ ตัวอยู่ที่ไหน ขวดน้ำอยู่ที่นั่นค่ะ ให้ขวดน้ำอยู่ในสายตาเข้าไว้ให้วางไว้ในห้องนอน ในรถส่วนตัว พกไปยิม พกไปทำงาน พกไปออกกำลังกาย แบบที่เราจะเห็นได้ทุกที่ ทุกเวลา จะช่วยเป็นการเตือนให้หยิบมาดื่มในทางอ้อมได้จริงๆ
6.กินผลไม้ที่มีน้ำเยอะๆ
นอกจากการดื่มน้ำเปล่าแบบทางตรงแล้ว ในทางอ้อมเราสามารถเพิ่มปริมาณน้ำให้กับร่างกายได้ด้วยการกินผลไม้ค่ะ โดยมีผลไม้หลายชนิดที่อุดมไปด้วยน้ำ อย่างเช่น แตงกวา (มีน้ำ 96%) แตงโม (มีน้ำ 92%) องุ่น (มีน้ำ 91%) ซึ่งนอกจากจะได้น้ำแล้วร่างกายเรายังจะได้รับเกลือแร่และวิตามินจากผลไม้เหล่านี้อีกด้วย
7. ใช้กระบอกน้ำ เตือนดื่มน้ำ
วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่เตือนเราได้ดีทีเดียวนะคะ จะใช้วิธีแมน่วล อย่าง การเขียนระดับบนขวดน้ำเพื่อเตือนให้ดื่ม หรือจะซื้อขวดน้ำ เตือนดื่มน้ำก็ได้เช่นกันค่ะ มีหลากหลายดีไซน์และข้อความชวนดื่มน้ำเก๋ๆ ให้เลือกตามช่องทางออนไลน์อยู่หลายร้านทีเดียว
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการดื่มน้ำ
หลังตื่นนอน การดื่มน้ำ 1 แก้วหลังจากตื่นนอน ช่วยให้ร่างกายขจัดสารพิษต่าง ๆ และช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายใน
หลังจากอาบน้ำ การดื่มน้ำ 1 แก้วหลังจากอาบน้ำ ช่วยลดความดันโลหิตได้
ก่อนมื้ออาหาร การดื่มน้ำ 1 แก้ว 30 นาทีก่อนรับประทานอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งดื่มน้ำอีก 1 แก้วหลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว 1 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหาร แต่น้ำย่อยอาจเจือจางได้หากดื่มน้ำแล้วเว้นช่วงเวลาไว้นานเกินไปก่อนนอน การดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนนอนช่วยแทนที่ของเหลวที่จะสูญเสียในตอนกลางคืนได้
การดื่มน้ำน้อยเกินไป จะทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ ซึ่งภาวะร่างกายขาดน้ำเกิดจากการที่ร่างกายสูญเสียน้ำไปกับเหงื่อและปัสสาวะมากกว่าปริมาณน้ำที่ดื่มเข้าไป อาจสังเกตได้ว่าปัสสาวะมีสีเข้ม และปัสสาวะไม่บ่อยเท่าปกติ หรืออาจปรากฏอาการเหนื่อยล้าและกระหายน้ำอย่างรุนแรง สำหรับเด็กที่มีภาวะขาดน้ำ ให้สังเกตได้จากผ้าอ้อมแห้งกว่าปกติ หรืออาการต่าง ๆ เช่น ลิ้นแห้ง ปากแห้งและร้องไห้ไม่มีน้ำตาและอาจมีอาการอื่น ๆ เพิ่ม เช่น อารมณ์เปลี่ยนแปลง สับสนหรือเบลอ ท้องผูก อุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป นิ่วที่ไต หรือช็อกได้ ซึ่งรักษาได้โดยการดื่มน้ำ หรือหากอาการรุนแรงควรพบแพทย์ทันที
Source : Freepik
วิธีสังเกตว่าเราดื่มน้ำเพียงพอแล้วหรือยัง
วิธีที่ง่ายที่สุดคือการสังเกต ผู้ที่ดื่มน้ำเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจะขับถ่ายสะดวก และมีปัสสาวะสีเหลืองใส แต่ผู้ที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอจะมีปัญหาการขับถ่ายหรือท้องผูก และมีปัสสาวะสีเข้ม แต่หากมีปัญหาสุขภาพ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับไตหรือภาวะหัวใจล้มเหลว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำ
ได้เทคนิคกันไปแล้ว อย่าลืมนำไปปรับใช้กันนะคะ สาวๆ เรื่องดื่มน้ำนี่สำคัญต่อสาวๆ เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว ก็ยังส่งผลต่อผิวพรรณเราอีกด้วย เริ่มจากการปรับวิธีการดื่มน้ำของเราเสียแต่วันนี้ ทำอย่างต่อเนื่องไปอีก 21 วัน รับรองว่า สาวๆ จะชิน ปรับตัวได้ และติดนิสัยการดื่มน้ำอย่างมีวินัยมากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ