
ร้าน “ครูสายฐิพย์” เดิมมาจากชื่อคุณแม่เจ้าของร้านที่ชื่อ สายทิพย์…แต่มีการปรับเปลี่ยน ท ทหาร เป็น ฐ ฐาน เพื่อสื่อถึงความมั่นคงและหากอ่านชื่อร้านจริงๆ จะเป็นการออกเสียงตามภาษาใต้ที่อ่านว่า สายฐิพย์ (เสียงต่ำหน่อยนะคะ) อีกด้วย
ครูสายฐิพย์ ร้านอาหารไทยพื้นบ้านแสนอบอุ่น ที่เหมือนมากินอาหารรสมือแม่ในสวน ย่านลาดพร้าว-นาคนิวาส

โดยทางร้านจะตกแต่งด้วยต้นไม้สีเขียวขจีสวยไปทั่วทั้งร้าน ทำให้ไม่ว่าใครเข้ามาก็รู้สึกสบายตาสบายใจ สดชื่นไปกับธรรมชาตินานาพันธุ์ทั้งต้นไม้และดอกไม้… โดยทางร้านตั้งใจให้ลูกค้าทุกคนรู้สึกเหมือนได้เข้ามากินข้าวรสมือแม่ในสวนจากครัวในบ้านตัวเองเลยทีเดียว น่ารักมากๆ ค่ะ

ส่วนเฟอร์นิเจอร์และตัวร้านตกแต่งโดยเน้นใช้วัสดุจากไม้ไผ่และไม้ เพื่อให้เข้ากับต้นไม้และสไตล์ของร้าน สัญลักษณ์สำคัญนั่นก็คือปลาตะเพียน…ที่แสดงถึงความเป็นไทยแบบบ้านๆ อีกด้วย

บรรยากาศน่านั่งมากๆ จนเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งเลยค่ะทุกคน

แถมยังมีบ่อปลาคาร์ปจักรพรรดิเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ภายในร้านอีกด้วย…

ที่นั่งภายในร้านมีทั้งโซนที่เป็นภายในและภายนอกให้เลือกนั่งกันได้ตามชอบเลย


โดยร้านนี้เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกันของ 3 พี่น้องและอยากให้ร้านแสดงความเป็นตัวตนออกมาให้มากที่สุด เมนูของทางร้านกว่า 60% จึงเป็นเมนูอาหารใต้ ส่วนที่เหลือจะเป็นเป็นอาหารสไตล์พื้นบ้าน

ซึ่งวันนี้อาหารก็น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ เต็มโต๊ะไปหมดเลย

มาเริ่มกันที่เมนูแรก “ข้าวยำแม่คำนึง” เมนูข้าวยำที่มีน้ำบูดูส่งตรงจากใต้ที่ทำจากกะทิ ปลาป่น และกุ้งแห้งป่น เคี่ยวกว่า 4 ชั่วโมง เป็นสูตรเฉพาะของทางร้านเลย ตัวเครื่องเน้นสมุนไพร คุณอูมเล่าว่าบางช่วงหากมีดอกดาหลาก็จะใส่ร่วมด้วยเพื่อเพิ่มเปรี้ยว…แค่เห็นก็รู้แล้วละค่ะ ว่าเน้นสมุนไพรจริงๆ เครื่องแน่นๆ เลย

มาต่อที่เมนูถัดไป…ยำวุ้นเส้นโบราณค่ะ เมนูที่ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาเลย เพราะวัตถุดิบที่ทางร้านนำมาประกอบอาหารนั้นปลูกเองหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะต้นหอม ผักชี ดอกขจรช่วยเพิ่มความเขียวและแต่งแต้มสีสันให้กับอาหารได้อย่างสวยงาม ตัวน้ำยำได้รสเปรี้ยวหวานเค็มตาม ไม่เผ็ดมาก

ต่อไปเป็น “หลนปลาอินทรีย์” ที่มีเครื่องเคียงเป็นปลาดุกฟูๆ แนมด้วยสารพัดผักมาให้เลือกกิน แถมยังหอมปลาอินทรีมากๆ ส่วนกรรมวิธีการทำ…ทางร้านก็เน้นแบบพื้นบ้านตามสไตล์ ตัววัตถุดิบก็ใช้ปลาอินทรีเค็มก็ส่งตรงมาจากสงขลา ส่วนผักทางร้านจะเลือกตามฤดูกาลค่ะ อย่างวันนี้ก็มีมะตูมแขก ผักกาดหิ่น ยอดมะม่วงหิมพานต์ และอื่นๆ สำหรับใครที่กินเผ็ดไม่ได้วันดีแนะนำเมนูนี้เลยค่ะ

อือฮือ…เครื่องเน้นๆ เต็มๆ คำเลยค่ะทุกคน

มาที่เมนูแกงกันบ้าง วันนี้เป็นเมนู “แกงเหลืองปลากะพงไหลบัว” ที่เน้นเครื่องแกงจากทางนครฯ ซึ่งทางร้านก็ทำเองอีกด้วย โดยจะได้ความเผ็ดร้อนจากพริกกะเหรี่ยง กะปิให้รสเค็มหวาน ส่วนตัวแกงจะเน้นรสเค็มเปรี้ยวจากมะนาวสด โอ้โฮ…แค่ฟังก็น้ำลายสอกันเลยค่ะ

ต่อมาตัดรสเผ็ดกันด้วยเมนูไข่เจียวใบไชยา ซึ่งทางร้านก็ปลูกเองอีกเช่นกัน แถมใบไชยานี้ยังมีสรรพคุณทางยาอีกมากมายเลย นอกจากอร่อยแล้วยังได้คุณค่าทางอาหารอีกด้วย

เมนูนี้ใครเห็นก็ต้องชอบค่ะ นั่นก็คือ “บุษบาทอดกรอบ” ที่ทางร้านก็จะเลือกสรรดอกไม้ตามฤดูกาลที่ปลูกขึ้นเองอีกเช่นกัน โดยวันนี้หลักๆ จะมีดอกขจร ดอกโสน ดอกแค ดอกอัญชัน ตัวน้ำจิ้มก็ให้ได้รสชาติมันๆ หวานๆ เปรี้ยวตามเล็กน้อย เด็กกินได้สบายเลยค่ะ

และสำหรับอาหารจานเดียวทางร้านก็มีเหมือนกันนะคะ เริ่มกันที่…ข้าวกะเพราหมูสับบ้านขายยาและไข่ดาว โดยกะเพราของทางร้านจะเป็นแบบผัดแห้ง คั่วหอมๆ ให้ได้กลิ่นกระทะ ได้รสถึงเครื่อง มีความเผ็ดร้อนของข่า ลูกผักชี ยี่หร่า พริกขี้หนู และกระเทียม ปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำปลาตามสูตรโบราณเลยค่ะ

และอีกเมนูก็คือ…ข้าวหุงปรุงเครื่องเทศ (ข้าวหมกไก่) เป็นเมนูที่พึ่งเปิดตัวเลยค่ะ ทางคุณอูมปรับสูตรและศึกษามาอย่างดีจนได้เครื่องหมักที่มีตัวมาซาลาที่หอม ร้อน และเย็นจากลูกจัน ลูกกระวานไทยและกระวานเทศ ตัวข้าวหมักด้วยเครื่องแกง มาซาลา และนม ปรุงรสด้วยเกลือ โรยหน้าด้วยหอมเจียว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และสะระแหน่ เนยที่ใช้ผัดข้าวก็ใช้เนยอย่างดีที่มีความหอม ไขมันต่ำ โดยทางร้านจะเน้นสมุนไพรที่ใครได้กินรับรองว่าได้รับคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบด้วย เหมาะกับช่วงเวลาที่ทุกคนต้องดูแลสุขภาพแบบนี้มากๆ

มาที่เครื่องดื่มกันบ้าง วันนี้เราเลือก 2 เมนูที่ทั้งสดชื่นและดื่มเพลินมาฝาก นั่นก็คือ น้ำใบเตยว่านหางจระเข้ และน้ำอัญชันมะนาวค่ะ

แถมตอนนี้ทางร้านยังเปิดโซนใหม่ที่เป็นคาเฟ่ “ฐ ฐาน” อีกด้วย โดยเน้นต้นไม้สีเขียวให้เหมือนอยู่ในสวนเหมือนเดิม แต่ตัวร้านคาเฟ่จะเน้นโทนสีขาว ให้ความรู้สึกคนละแบบกับตัวร้านอาหารเลยค่ะ


ร่มรื่นไม่แพ้กันเลยนะคะ ใครสายคาเฟ่ไม่ควรพลาดเลย ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อไร วันดีจะมานั่งชิลรับลมชมธรรมชาติให้ขึ้นใจกันไปเลย


ภายในร้านตกแต่งได้น่ารักมากๆ เลยค่ะ เหมือนนั่งอยู่ในเรือนกระจกเลย

กำแพงสีขาวสบายตา นั่งได้เพลินๆ เลยละค่ะ

เมนูมีให้เลือกหลากหลายเลยค่ะ แต่วันดีเลือกเค้กมา 3 ชิ้นก่อน…

ตัวแรกเป็นเค้กส้มเลยค่ะ มีเลเยอร์ 3 ชั้นน่ากินมากๆ

เค้กตัวต่อมาเป็นเมนูใหม่ของทางร้านด้วยนะคะ นั่นก็คือ…เค้กชาเขียวมัทฉะถั่วแดง

และเค้กตัวสุดท้ายคือเค้กมะพร้าวค่ะ ซอสมะพร้าวเยิ้มๆ เลย น่ากินมากๆ

เมนูวาฟเฟิลก็มีนะคะ วันดีเลือกเป็นวาฟเฟิลช็อกโกแลต มาแบบอลังการมากๆ เลยค่ะทุกคน

ตัวเครื่องดื่มของทางคาเฟ่ก็มีหลากหลายเลยค่ะ เริ่มกันที่เมนูสำหรับคนไม่ดื่มกาแฟกันก่อน เมนูแรกวันดีนำเสนอ “นมมัทฉะ” (Matcha Latte) สวยๆ แยกชั้นสีขาวและสีเขียวมาเลย

เมนูสตรอว์เบอร์รี ชีสเค้ก ที่หอมชีสเค้กมากๆ แถมยังโรยหน้าด้วยครัมเบิลกรุบกรอบด้วยบนอีกด้วย ดูดเพลินๆเลยค่ะ

ต่อมาเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน นั่นก็คือ “ฐ ฐาน” ที่เป็นเมนูกาแฟผสมโกโก้และนมข้นหวาน ที่ได้ทั้งรสเข้ม ข้น หวาน มัน แถมยังให้สัมผัสนุ่มละมุนเข้ากันได้อย่างพอดีเลย

อัลโฟกาโต้…เอสเพรสโซเข้มข้นราดบนไอศกรีมมะพร้าวทางคู่กันแล้วได้รสหวานและขมของกาแฟอย่างลงตัว

และตัวสุดท้ายคือ “เดอร์ตี้” เอสเพรสโซช็อตราดบนนมสดผสมไซรัปแช่เย็นจัด ทำให้ตอนดื่มได้รสสัมผัสของกาแฟอุ่นๆ และนมเย็นๆ อย่างลงตัว

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เรียกได้ว่ามาร้านเดียวครบมากๆ แถมพามาได้กันทั้งครอบครัวเลยค่ะ ผู้ใหญ่ก็ชอบ เด็กๆ ก็ฟินแน่นอน
เมนูแนะนำ
- ข้าวยำแม่คำนึง
- แกงเหลืองปลากะพงไหลบัว
- ไข่เจียวใบไชยา
- บุษบาทอดกรอบ
- หลนปลาอินทรีย์
คาเฟ่ ฐ ฐาน
- เค้กมะพร้าว
- เค้กชาเขียวมัทฉะถั่วแดง
- สตรอว์เบอร์รี ชีสเค้ก
- อัฟโฟกาโต้ (affogato)
- เดอร์ตี้ (dirty)
- ฐ ฐาน
พิกัด: ตรงข้าม ซ.นาคนิวาส 5 ถ.นาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
เวลาเปิด-ปิด : อังคาร-อาทิตย์ 11.00-20.00 น. และช่วงนี้ทางร้านยังเปิดโซน เมนูข้าวแกงเฉพาะกิจในช่วงเช้า 6.30-11.00 น. อีกด้วยนะคะ
ที่จอดรถ: มีที่จอด
สามารถสั่งอาหารผ่านช่องทาง
- โทร ร้านอาหารครูสายฐิพย์ 095-246-8497
- สั่งผ่าน Line:@ครูสายฐิพย์ https://lin.ee/gbgQrvE
FB Page: https://www.facebook.com/krusaithipbkk/