น้ำหอม คือเครื่องแต่งกาย คือเสื้อผ้าที่บ่งบอกบุคลิกของผู้สวมใส่ที่มองไม่เห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยกลิ่นอันส่งผลต่อจินตนาการการรับรู้ระหว่างเจ้าตัวกับผู้คนที่พบปะ ถือเป็นศาสตร์ศิลปะอย่างหนึ่งอันเป็นเสน่ห์ส่วนบุคคล โดยที่ น้ำหอมกลิ่นเดียวกันแต่เมื่อฉีดโดยต่างบุคคล ต่างสภาพอากาศ ต่างกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน ก็จะให้ผลลัพธ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันไปอีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากแต่ละคนมีกลิ่นตัวที่แตกต่างกัน เมื่อผสมกับกลิ่นน้ำหอมก็จะให้กลิ่นที่แตกต่างกันนั่นเองค่ะ นี่จึงเป็นเสน่ห์ส่วนบุคคลอย่างแท้ทรู และถ้ากระโดดเข้าวงการน้ำหอมแล้ว ออกได้ยากเย็นเหลือเกินค่ะคุณขา ไม่ว่าจะเป็นสายสะสมขวดน้ำหอมสวยๆ สายสะสม Rare Item รุ่น Limited Edition หรือสายสะสมกลิ่นหอมๆ ที่ของมันต้องมี สำหรับพวกเราแล้วนั้นมองตาก็รู้ใจกันดีเลยทีเดียวค่ะ ว่าเนี่ยล่ะ ขวดนี้ที่ฉันคู่ควร
คราวนี้ Wandeehouse จะขอแนะนำ 10 น้ำหอมตัวท็อปที่คัดมาแล้วเน้นๆ ทั้งกลิ่นที่โดดเด่น แบรนด์ที่มีคาแรคเตอร์ เรื่องราวอันแตกต่าง รวมไปถึงกลิ่นที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง หอมจริง ไม่มีไม่ได้แล้วมาให้คุณๆ กันค่ะ
10 น้ำหอมตัวท็อปปี 2021 ที่ไม่มีไม่ได้แล้ว
สาย Rare Item มีแล้วไม่ซ้ำใคร
DIPTYQUE - L"Ombre Dans L"Eau 100 ml. 6,200 บาท
น้ำหอมจากแบรนด์ดังฝรั่งเศสที่เริ่มต้นจากร้านขายงานศิลปะและผ้า ก่อนจะเพิ่มเติมด้วยการทำเทียนหอมและแตกไลน์มาเป็นน้ำหอมในภายหลังจนโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยกลิ่น Unisex ที่มีเอกลักษณ์ลุ่มลึกไม่ซ้ำใคร และไม่มีใครเหมือน แถมกลิ่นทุกกลิ่นยังปรุงมาเพื่อให้ติดทน ติดนาน ไม่สร่างซา (นี่แอดพูดจริงๆ ไม่ได้โม้ ขอให้ลองด้วยตัวเองค่ะ) มีให้เลือกทั้งแบบ Eau de Toilette และ สูตรเข้มข้นอย่าง Eau de Parfum หรือจะเป็น Perfume Balm (น้ำหอมแห้ง) ในแพ็คเกจจิ้งหรูหราก็มี และนี่คือจุดเด่นที่ทำให้ DIPTYQUE กลายเป็นน้ำหอมที่ใครๆ ก็อยากครอบครอง ด้วยกลิ่นหอมที่เหมือนพาเราไปท่องอยู่ในสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น Philosykos ที่มีกลิ่น Woody จากไม้ซีด้าร์ ด้วยแรงบันดาลใจจากบรรยากาศบาร์ยามค่ำคืน ท็อปโน้ต ด้วยกลิ่นฟิก มิดเดิล โน้ต ด้วยมะพร้าว หรือจะเป็นกลิ่น L"Ombre Dans L"Eau ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ขายดี ไม่แพ้ Eau Rose ,TAMDAO และ DOSON ซึ่ง กลิ่น L"Ombre Dans L"Eau นั้นจะให้กลิ่นแนว Fruity มีกลิ่นแบล็คเคอเรนท์และซิตรัส แจมกับกุหลาบ เครื่องเทศ และมัสค์ ให้บรรยากาศเหมือนเดินเข้าสวนป่าในฤดูใบไม้ผลิ และด้วย DIPTYQUE ให้กลิ่นแนวอโรม่าจึงกลายเป็นน้ำหอมที่สามารถใช้ได้ทุกเพศ ทั้งหญิง และชาย นั่นเองค่ะ
Tom Ford - Private Blend Rose Prick 50 ml. 12,000 บาท
คอลเลกชั่นพิเศษ Limited Edition หอมเผ็ดๆ ด้วยกลิ่น Floral โดดเด่นด้วยกุหลาบบัลแกเรีย กุหลาบสายพันธุ์หายากโดยต้องใช้กุหลาบบานสะพรั่งเต็มที่ถึง 1 ล้านดอกเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำมันกุหลาบ 1 กิโลกรัม และ Rose de Mai โรยด้วยเครื่องเทศเผ็ดร้อนอย่างพริกเสฉวน และสารสกัดจากขมิ้นชัน กระตุ้นความสดชื่นด้วยพิมเสนอินโดนีเซีย ให้กลิ่นนวลๆ จากถั่วตองก้า คาราเมลและวานิลลา หอมเย้ายวนด้วย Tolu balsam และมัสก์ ทำให้กลิ่นบอกเล่าได้ว่ากุหลาบดอกนี้ใช่ว่าใครจะคว้าไปครอบครองได้โดยง่าย เปี่ยมไปด้วยมิติหลากหลาย เผ็ดร้อน และเซ็กซี่ไม่ซ้ำใคร
Byredo Blanche Eau De Parfum 100 ml. 8,499 บาท
แบรนด์น้ำหอม Unisex มาแรงจากสวีเดน ที่เน้นความเรียบง่าย มินิมอล กลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งดอกไม้ ด้วยท็อปโน้ตกลิ่น Aldehyde, Pink Pepper และ White Rose ส่วนมิดเดิ้ลโน้ต ประกอบด้วย Neroli, Peonyและ Violet โดยมีเบสโน้ต อย่าง Blonde Woods, Musk และ Sandalwood
GUERLIAN - Cherry Blossom 2021 Edition 125 ml. 27,480 บาท
ทุบทุกสถิติของความแพงด้วยราคาขวดละ 27,480 บาท (ซื้อทองได้ 1 บาทแน่ะคุณเอ๊ย) โดยมีวางจำหน่ายทั่วโลกเพียงแค่ 2,466 ขวดเท่านั้น น้ำหอมกลิ่นดอกซากุระเด่นๆ ด้วยแรงบันดาลใจจากเทศกาล Hanami ของฤดูใบไม้ผลิในประเทศญี่ปุ่น นอกจากกลิ่นหอมสดชื่นสไตล์ลูกคุณหนูขี้เล่นด้วยกลิ่นของ ชาเขียว , ดอกซากุระ , มะลิ, มะกรูด และดอกไลแล็ค ส่วนตัวขวดน้ำหอมสุดวิจิตรก็มีสตอรี่ที่มา ตกแต่งด้วยดอกซากุระที่ทำด้วยมือประดับคริสตัลที่สื่อถึงเทศกาล Hanami ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยผลงานการออกแบบขวดจากยังดีไซเนอร์ Lucie Touré ผู้ชนะจากการประกวดการออกแบบ Tour Eiffel Design Award ปี 2019 ส่วนขวดแก้วนั้นผลิตโดยช่างฝีมือจาก Pochet du Courval ร้านเป่าแก้วในตำนานที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1853 เลยทีเดียว
สายหอม เรียบหรู ผู้ดี กลิ่นแบบนี้ต้องมีตำ
Giorgio Armani - Si Passione EDP 50 ml. 4,400 บาท
ตัวแทนความหอมแพงแบบคลาสสิค สง่างาม สมาร์ท โดดเด่นด้วยความมั่นใจ และเย้ายวนแบบฟาดๆ อย่างมีชั้นเชิงไปในเวลาเดียวกันทำให้เป็นกลิ่นที่สาวๆ ต่างต้องคว้ามาประดับโต๊ะเครื่องแป้ง และยกให้เป็นที่หนึ่งในใจของสาวๆ ในปี 2020 จนถึง 2021 กันเลยทีเดียว โดยตัวกลิ่นจะหอมหวานด้วยดอกไม้แนว Fruity Floral ท็อปโน้ตด้วย แบล็คเคอเรนท์ มะกรูด และใบวิโอเล็ต เย้ายวนด้วยกลิ่นเผ็ดจากพริกไทยสีชมพู หอมหวานด้วยกลิ่นแพร์ กุหลาบและมะลิ ทิ้งกลิ่นอวลอบอุ่นจากวานิลลาและไม้ซีด้าร์ สร้างมิติให้แก่บุคคลของผู้ใช้ได้อย่างน่าค้นหาค่ะ
Jo malone London - English Pear & Freesia 100 ml. 5,500 บาท
ถึงแม้จะเป็นโคโลญจ์ แต่ Jo malone ยังคงยืนหนึ่งเรื่องความหอม แบบไม่มีใครมาล้มลงได้ ด้วยความสนุกจากการผสมน้ำหอมของ
Jo malone ที่ต่างกลิ่นเข้าด้วยกัน ก็จะได้กลิ่นหอมที่แตกต่างออกไป และเมื่อฉีดพรมบนตัวแต่ละคนก็จะได้กลิ่นที่แตกต่างกันไปอีก นี่จึงเป็นความสนุกที่แสนรื่นรมย์ในการใช้น้ำหอมแบรนด์นี้นั่นเองค่ะ นอกจากจะขยันออกกลิ่นและขวดแบบ Limited Edition แล้ว โจมาโลนเองยังมีกลิ่นยืนหนึ่งในตำนานของแบรนด์ที่สาวๆ ต่างหลงรักและยกให้เป็นที่หนึ่งคือกลิ่น English Pear & Freesia ที่ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ สไตล์ผู้ดีอังกฤษ จากลูกแพร์และดอกฟรีเซียร์ ทิ้งให้อบอวลด้วย Amber, Patchouli และ Wood โดยกลิ่นนี้นิยมนำไปฉีดร่วมกับ Wild Bluebell หรือ Nectarine Blossom & Honey อีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ในปีนี้ โจมาโลน ลอนดอน ยังออกคอลเลกชั่น Blossom Collection ที่เป็น Limited Edition ซึ่งขายดิบขายดี หมดเคาน์เตอร์อีกด้วยค่ะ ใครเป็นสายเก็บ Rare Item นี่ต้องห้ามพลาด
YVES SAINT LAURENT - LIBRE 90 ml. 6,600 บาท
เป็นกลิ่นหอมที่ทั้งเท่และเซ็กซี่ในสายกลิ่น Floral สดชื่นด้วยกลิ่นดอกส้ม และชุ่มฉ่ำด้วยส้มแมนดาริน ตบด้วยกลิ่นหอมเย็นจากลาเวนเดอร์ จรุงด้วยกลิ่นอำพันทะเลและวานิลลาจากมาดากัสการ์ กลิ่นติดทน ติดนาน เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่สาวมั่นหลายคนเลือกใช้เลยค่ะ
Chloe - Love Story Eau Sensuelle 75 ml. 5,250 บาท
กลิ่นหอมหวานแนว Floral เย้ายวนแบบไม่เด็กไป ไม่ผู้ใหญ่เกิน กลิ่นบอกบุคลิกของผู้หญิงที่ทั้งอ่อนหวานทั้งเซ็กซี่ในคนเดียวกัน ด้วยกลิ่นหอมจากดอก Heliotrope ผสานความหอมเย็น สดชื่นจากดอกส้ม โดยมีกลิ่นไม้จันทน์เป็นเบส
Narciso Rodriguez - For Her Eau de Parfum 100 ml. 4,700 บาท
เป็นน้ำหอมกลิ่น Powdery หวานนวลๆ ด้วยกลิ่นกุหลาบและพีช ผสมกับ มัสก์และแอมเบอร์ นวลๆ เบสโน้ตด้วยพิมเสน และไม้จันทน์ ซึ่งติดอันดับน้ำหอมที่ใครได้กลิ่นเป็นต้องหัน เพราะกลิ่นเซ็กซี่ 18 + มากๆ จ้า
Christian Dior - J"adore Eau de Parfum 100 ml. 6,600 บาท
อีก 1 ขวดที่สาวๆ มักมีติดโต๊ะเครื่องแป้งกัน คือ J"adore Eau de Parfum ติดเบสท์เซลเลอร์ตลอดกาลของแบรนด์เลยก็ว่าได้ค่ะ โดยกลิ่นหอมจากดอกกระดังงา ดอกมะลิและสะบัดแตะปลายจมูกด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบจางๆ โดยมากนิยมใช้สำหรับงานกลางคืน มากกว่ากลางวัน เหมาะสำหรับสาวที่มีลุคโตเป็นผู้ใหญ่หน่อยๆ นั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ตาม เรื่องกลิ่นเป็นรสนิยมส่วนบุคคล คำแนะนำจากเราในการเลือกซื้อน้ำหอมเพื่อการใช้งานจริง นั่นคือ ต้องไปลองฉีดเทสที่ตัวเราก่อนค่ะ แล้วไปเดินเล่น หรือ ทำอะไรอย่างอื่นไปก่อน เพื่อเช็คกลิ่นจริงๆ เมื่ออยู่บนตัวเรา ว่าเมื่อกลิ่นท็อปโน้ตจางลง จะได้กลิ่นแบบไหน เมื่อกลิ่นน้ำหอมผสมเหงื่อเราแล้วจะให้กลิ่นอย่างไร มิดเดิ้ลโน้ตจะให้กลิ่นแบบไหน และเมื่อถึงเบสโน้ตแล้วจะยังคงหอมติดทนอยู่หรือไม่ แล้วค่อยกลับมาตัดสินใจว่าจะซื้อกลิ่นไหน และนี่คือเทคนิควิธีการเลือกน้ำหอมที่เหมาะกับตัวเราที่ Wandeehouse เอามาฝากค่ะ
Source : Freepik
