
" You are what you eat." คำนี้ไม่เกินจริงเลยค่ะ อาหารที่เรากินคือสิ่งที่เราเป็น เรากินอะไรเข้าไปก็จะได้ประโยชน์ ได้สารอาหารจากสิ่งนั้น ร่างกายเราจะดูดซึมสารอาหารเหล่านั้น เพื่อบำรุงซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ทั้งคุณค่าสารอาหารต่างๆ ภายในมื้ออาหารนั้นๆ หากเราคาดหวังจะลดน้ำหนัก ก็ต้องกินอาหารที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น แคลอรี่ไม่สูงเกินไป มีไฟเบอร์สูงช่วยให้อิ่มนานและเพื่อให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ดังนั้นหากอยากให้ผิวสวย นอกจากทาสกินแคร์บำรุงผิวจากภายนอกแล้ว ก็ต้องกินอาหารบำรุงผิวจากภายในด้วยเช่นกัน วันดีเฮ้าส์จะมาบอกว่า อาหารบำรุงผิว นั้นมีอะไรบ้าง
12 อาหารบำรุงผิว กินอาหารให้เป็นยา

1. น้ำสะอาด ถึงจะเป็นน้ำเปล่า แต่ไม่ไร้ประโยชน์นะคะ หากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่อง แบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และยังป้องกันเซลลูไลท์อีกด้วย

2. เนื้อปลา มีโปรตีน ซึ่งในเนื้อปลาจะเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ไขมันจะมีอยู่บ้าง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของปลา ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจหรือไขมันในเลือดสูง นอกจากนั้น เครื่องใน ตับปลา ก็จะมีน้ำมันและวิตามินในกลุ่มที่ละลายได้ดีในไขมัน เป็น วิตามินเอ ดี อี เคและ แร่ธาตุ โดยเฉพาะในตัวปลาบางชนิดที่เรารับประทานได้ ก็จะได้แคลเซียมด้วย โดยในผู้ใหญ่ต้องการโปรตีน 0.8-1 กรัม ต่อ กิโลกรัมต่อวัน

3. ข้าวและธัญพืช อย่างเช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา ถั่วอัลมอนด์ จะมีวิตามินบีและวิตามินอี ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่จะช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของเซลล์ วิตามินอี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยปกป้องความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะให้กับผิว

4. มะเขือเทศ วิตามินซีจะช่วยให้ผิวแลดูเต่งตึง ป้องกันแสงยูวีเอและยูวีบี วิตามิเอ วิตามินเค วิตามินพี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ธาตุแคลเซียม มีเบต้าแคโรทีนและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงผิวพรรณและชะลอความแก่ และธาตุเหล็ก โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางนั้นจะมีปริมาณของวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก และมะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการจำนวน 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว ! และยังมีสารจำพวกไลโคปีน (Lycopene)ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง อมชมพู พร้อมช่วยต้านรอยฝ้า กระ จุดด่างดำและลดความมันบนใบหน้าได้ แคโรทีนอยด์ และกรดอะมิโน มะเขือเทศมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ ช่วยในระบบย่อยในกระเพาะอาหารและช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้สะดวก ลดการบวมน้ำในร่างกาย ควบคุมสมดุลของเหลวในเนื้อเยื่อและเซลล์

5. แอปเปิ้ล อุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ล ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และฆ่าเชื้อไวรัส

6. แตงกวา มีสรรพคุณช่วยแก้กระหาย ลดความร้อนในร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยกำจัดของเสียที่ตกค้างในร่างกาย แตงกวามีสารฟีนอลที่ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ น้ำแตงกวามีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยลดอาการบวมน้ำ แตงกวาอุดมไปด้วยสารสำคัญหลายชนิดที่มีผลต่อการสร้างเสริมสุขภาพผิวที่ดี และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ที่ให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติหรือ Natural Moisturizing Factors (NMFs) และยังมีกรดอะมิโนซีสทีน (Cystine) และเมไธโอนีน (Methionine) ที่ช่วยทำให้เกิดความยืดหยุ่นแก่ผิวด้วย

7. มังคุด มีสารแซนโทน (Xanthone) ในปริมาณมาก มีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ ลดความดันโลหิต เปลือกมังคุดมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และยังออกฤทธิ์ต้านสิวอักเสบได้ดีอีกด้วย ช่วยลดอาการอักเสบและมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง (เปลือก)
ช่วยยับยั้งการเกิดและใช้รักษาโรคผิวหนังต่าง ๆ อย่าง กลากเกลื้อน ผดผื่นคันต่าง ๆ ด้วยการใช้เปลือกมังคุดแห้งต้มน้ำอาบ หรือใช้น้ำต้มเปลือกมาทาบริเวณที่เป็น มีฤทธิ์ในการจับอนุมูลอิสระต่าง ๆ ได้มากกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส แข็งแรง

8.น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูงก็จริง ซึ่งมีข้อดีคือ มีกรดไขมันจำเป็นและเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและที่สำคัญในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วยวิตามินเอและอี ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม

9. หอมหัวใหญ่ น้ำมันหอมระเหยจากหัวหอมสามารถนำมาใช้ทาสิวอักเสบเพื่อช่วยลดการอักเสบได้ ช่วยรักษาฝ้า ตามตำราฝรั่งใช้หอมหัวใหญ่นำมาดองกับไวน์แล้วแช่ทิ้งไว้สักเดือน แล้วใช้น้ำที่แช่มาทาเพื่อรักษาฝ้า เห็นว่าได้ผล ประโยชน์ของหัวหอมกับการนำมาสกัดทำเป็นเครื่องสำอางบางชนิด เช่น ยาสระผม ยาบำรุงเส้นผม เนื่องจากมีสารเพกติน กลูโดคินิน และไกลโคไซด์ ที่จะช่วยขจัดรังแคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราต่าง ๆ ได้

10.บร็อคโคลี มีวิตามินซี ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูกอ่อน เส้นเอ็น หลอดเลือด และผิวหนัง มีสารเบต้าแคโรทีน อุดมไปด้วยวิตามินอี ฟลาโวนอยด์ จำนวน 1 ถ้วย สามารถให้วิตามินซีได้มากถึง 200 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว และยังให้เบต้าแคโรทีนอีก 90 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงเส้นใยอาหารและโปแตสเซียมในปริมาณสูงมาก นอกจากนี้บร็อคโคลียังมีสารซีลีเนียม ซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของผิวพรรณ มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอวัย เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และยังมีสารที่ช่วยลดผลกระทบของรังสี UV ที่อาจจะมากระทบกับผิวหนัง

11.ฟักทอง มีสารแคโรทีนอยด์ สุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยต่อสู้กับสารอนุมูลอิสระไม่ให้เข้ามาทำร้ายเซลล์ร่างกาย รวมถึงเซลล์ผิวเราด้วย ความสามารถของมันก็คือ ช่วยปกป้องผิวจากแสง UV ที่เข้ามาทำร้ายผิวเราได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้คอลลาเจนในผิวหนังถูกทำร้ายได้อีกด้วย วิตามินซีในฟักทองจะช่วยให้ผิวกระจ่างใส ส่วนวิตามินบี ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินบี 2 วิตามินบี 9 เป็นต้น โดยเฉพาะวิตามินบี 3 จะช่วยปรับผิวที่สีดูไม่สม่ำเสมอให้ดูขาวเท่ากันมากขึ้น ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ส่งผลให้อาการของสิวบรรเทาลงได้ ส่วนวิตามินบี 9 จะช่วยในการผลัดเซลล์ผิว และกระตุ้นให้ผิวสร้างเซลล์ผิวใหม่ออกมา ทั้งนี้ฟักทองยังอุดมด้วยแร่ธาตุต่างๆ อย่าง โพแทสเซียม แมงกานีส แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี และทองแดง ซึ่งทองแดงช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินออกมา ทำให้ผิวเราไม่เหี่ยว ไม่หย่อนคล้อยเร็ว แต่ช่วยให้ผิวกระชับ และผิวดูเด็กลง นอกจากนี้แร่ธาตุสังกะสีในฟักทองก็ยังช่วยควบคุมความมันบนผิวหน้า ลดสิวได้อีกด้วย

12. มะละกอ มีวิตามินเอและซีสูง โดยมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวจึงป้องกันและต่อต้านการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีสารเบต้าแคโรทีนช่วยปกป้องรังสียูวีในแสงแดดไม่ให้ทำลายผิวหนังได้ด้วยกินเป็นประจำผิวสาวจะเนียนสวยและเปล่งปลั่งอ่อนเยาว์
คุณสามารถนำทั้ง 12 รายการไปปรุงเมนูต่างๆ มากมายตามความคิดสร้างสรรค์และความชอบเลยค่ะ และเพื่อสุขภาพที่ดีควรสลับสับเปลี่ยนอาหารที่กิน ไม่ควรกินซ้ำๆ เพราะร่างกายอาจได้รับสารอาหารเดิมๆ จนมีปริมาณมากเกินไป บางอย่างร่างกายอาจขับออกมาไม่มีโทษต่อร่างกาย แต่บางอย่างอาจสะสมตกค้างในร่างกายจนขับออกมาไม่ทันจนเป็นพิษ หรือ ขาดสารอาหารได้นะคะ
Source : pixabay,Freepik