
เคยไหมคะ ยิ่งพยายามลดน้ำหนักมากเท่าไหร่ น้ำหนักก็ไม่ลด ไม่เห็นผลสักที อดข้าว งดแป้ง งดน้ำหวาน กินแต่ผักและผลไม้ หักโหมออกกำลังกาย ทั้งยิ่งไดเอทก็ยิ่งท้อ ห่อเหี่ยวหมดกำลังใจ กลับไปตบะแตกใหม่วนไปอยู่ในวงเวียนนี้ ออกไม่ได้สักที แอดเองก็เป็นหนึ่งคนที่เป็นอย่างนั้นค่ะ ผ่านการลองผิด ลองถูก กว่าจะเจอหนทางที่ใช่สำหรับตัวเอง ท้อไปหลายคราว ราวกับว่า จริงๆ แค่เราหายใจก็อ้วนแล้ว เห้อออออ มาค่ะ ตามแอดมา แล้วเราจะรู้ว่าสิ่งที่เราเคยทำมาทั้งหมดเพื่อจะลดความอ้วนนั้น ....มันไม่ใช่ เอ้าเห้ยยยยย จริง? ก็จริงนะสิจ๊ะ มาๆ แล้วจะได้ลดน้ำหนักกันถูกวิธีสักทีนะ
4 ความเชื่อผิดๆ ในการลดความอ้วน

Source
1.งดแป้ง = ลดความอ้วน
ความจริงแล้วนั้น ร่างกายเราต้องการสารอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินและเกลือแร่ ไฟเบอร์ และไขมัน เพียงแต่เราต้องการในปริมาณที่เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน การรับสารอาหารหมวดหมู่ใดมากเกินไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อร่างกายทั้งสิ้น โดยเรามักบริโภคแป้งมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ จึงทำให้อ้วนนั่นเอง
เปลี่ยนจาก “งด” มาเป็น “ลด” แป้งกัน นั่นคือการควบคุมอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักอย่างถูกวิธี ดังนั้นจึงควรงดหรือจำกัดปริมาณในมื้อเย็น สำหรับชนิดของคาร์โบไฮเดรตควรเลือกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวไม่ขัดสีต่าง ๆ ขนมปังโฮลวีท เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในร่างกายเพิ่มขึ้นช้า ๆ รู้สึกอิ่มได้นาน ลดความอยากอาหารและช่วยลดความหิวได้ สำหรับมื้อเย็นแนะนำให้เน้นทานอาหารกลุ่มโปรตีนและผักใบเขียวทดแทนอาหารกลุ่มแป้งจะเป็นวิธีที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ดีขึ้นค่ะ
2. ยิ่งอด = ยิ่งผอม
เรามักจะเข้าใจว่า การกินน้อยๆ หรือไม่กินเลยก็จะยิ่งผอมเร็วขึ้น แต่ความเป็นจริงแล้วจะทำให้ ร่างกายจะปรับตัวเข้าสู่โหมดของการประหยัดพลังงานโดยอัตโนมัติค่ะ ระบบการเผาผลาญทำงานน้อยลง กล้ามเนื้อหาย รู้สึกไม่สดชื่น ไม่กระปรี้กระเปร่า ทำให้ไม่มีแรงอยากจะออกกำลังกายตามไปด้วย จนสุดท้ายจะเกิดปฏิกิริยา YO-YO Effect ตบะแตก อยากกินทุกอย่างที่ขวางหน้า โดยเฉพาะ ไขมัน ของหวาน และแป้ง
อยากลดน้ำหนัก ไม่จำเป็นต้องอดค่ะ แค่วางแผนการกินให้ถูก กินให้ครบ 3 มื้อ กินให้ครบสารอาหารทั้ง 5 หมู่ แต่ต้องรู้จักเลือกกิน และรู้จักควบคุมปริมาณในการกินแต่ละมื้อ กินโปรตีนเท่าไหร่ โปรตีนดี? คาร์โบไฮเดรตเท่าไหร่ เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนหรือเปล่า ? ปรุงสุกด้วยวิธีไหน ต้ม ลวก กินดิบ หรือทอด ? ใส่เครื่องปรุงแบบไหน อะไรบ้าง ลดหวาน ลดเค็ม ลดมันจะช่วยให้ควบคุมแคลอรี่ได้ โดยที่ร่างกายยังได้สารอาหารครบ ดีต่อสุขภาพ และยังควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. กินคลีน กินแต่ผัก ผลไม้แทนข้าว แล้วจะผอม
ถ้าเราจะผอม เราต้องผอมอย่างยั่งยืนค่ะ อะไรที่ไม่ใช่ ไม่ไหวอย่าฝืน การฝืนธรรมชาติตัวเองจะกลับไป YO-YO Effect อย่างหนักเลย เพราะเราฝืน เราอดมานาน แต่มันไม่ใช่ตัวเรา ยังไงสักวันเราก็ต้องกลับไปเป็นตัวเอง
การกินคลีนไม่บาปค่ะ ถ้าคุณชอบกิน กินได้ กินแล้วมีความสุข ไม่ได้ฝืนกล้ำกลืนตัวเอง ก็ย่อมทำได้ จะกินทุกวันทุกมื้อก็ทำได้ แต่การกินแบบปกติชนทั่วไปก็ไม่บาปเช่นกัน อนุญาตให้ตัวเองกินในแบบมนุษย์คนหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หมูกระทะเอย แฮมเบอร์เกอร์เอย ไอศกรีมเอย ไม่ผิด ไม่บาป แต่แค่ต้องควบคุมปริมาณและวางแผนการกินให้ดี บริหารแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันให้ไม่เกิน 1,800-2,500 กิโลแคลอรี่/วัน สำหรับผู้ชาย และ 1,500-2,000 กิโลแคลอรี่/วัน สำหรับผู้หญิง
และอย่างที่บอกไปแล้วว่า ร่างกายต้องการสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ การกินผักเพิ่มในมื้ออาหารหรือการกินผลไม้ทดแทนขนมหวานหรือขนมจุกจิกระหว่างมื้อน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะผักและผลไม้มีกากใย ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยในการขับถ่าย แต่ก็ควรระวังไม่เลือกกินผลไม้ที่มีรสหวานจัดจนเกินไป การจะกินแต่ผักและผลไม้แต่เพียงอย่างเดียวทุกมื้อจะทำให้ร่างกายรับรู้และคุ้นชิน จนทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน ลดการเผาผลาญเพราะขาดสารอาหาร นั่นจึงทำให้ช่วงแรกๆ ของการโหมอด โหมไดเอทนั้น เห็นผล น้ำหนักลดพรวดพราด แต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่ง วิธีไดเอทแบบนี้จะไม่ได้ผลอีกต่อไป น้ำหนักจะเริ่มคงที่ ทำอย่างไรก็ไม่ลด และยังดูโทรม ไม่สดใสค่ะ
4. หักโหมออกกำลังกายอย่างหนัก
การโหมออกกำลังกายอย่างหนัก แต่ไม่เป็นตัวเราเอง เราจะไม่มีความสุขค่ะ อย่าเดินตามวิธีลดน้ำหนักของคนอื่นเป๊ะๆ จนไม่เป็นตัวเอง
ให้เลือกกิจกรรมที่ทำในแบบที่เราชอบ เราทำแล้วมีความสุข ไม่รู้สึกฝืน เพราะจะจูงใจให้เรามีกำลังทำได้ต่อเนื่องยาวนานกว่ากิจกรรมการออกกำลังกายที่เราต้องทำแบบสูตรสำเร็จ หากีฬาที่เราชอบ ยกตัวอย่างง่ายๆ ใกล้ตัว อย่าง เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ กระโดดเชือก โยคะ คาร์ดิโอ พิลาทิส หรือเวทเทรนนิ่ง ฯลฯ หาตัวเองให้พบค่ะ แล้วคุณจะมีความสุขกับการออกกำลังกายและลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ อยู่ที่การควบคุมอาหาร 70% โดยการเลือกกิน กินดี กินโปรตีนดี กินไขมันดี ควบคุมปริมาณแคลอรี่ กินให้ครบ 5 หมู่ ส่วนอีก 30% คือการออกกำลังกาย ทำอย่างต่อเนื่อง มีวินัย แล้วผลลัพธ์ที่คุณต้องการก็อยู่ไม่ไกลแล้วค่ะ