ในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้มีข่าวที่น่าสะเทือนใจผู้ปกครองเป็นอย่างมาก ทั้งข่าวเด็กหญิงที่ถูกล่วงละเมิดโดยครูที่โรงเรียน หรือแม้แต่อันตรายที่เกิดขึ้นในบ้าน ซึ่งเกิดจากคนในครอบครัวจากข่าวเด็กหญิงถูกพ่อล่วงละเมิดทางเพศ ก็สร้างความหดหู่ใจให้กับผู้คนในสังคมไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเป็นแม่แล้วล่ะก็ ยิ่งต้องหันมาให้ความสำคัญในการให้คำแนะนำและดูแลบุตรหลานให้ใกล้ชิด โดยเฉพาะการสอนให้ลูกรู้จักดูแลตัวเองและรับมือหากต้องตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว วันดีรวบรวมคำแนะ และวิธี สอนลูกไม่ให้ถูกล่วงละเมิด และวิธีเอาตัวรอดจากการถูกล่วงละเมิด โดยเพจคุณหมอเด็กชื่อดังของเมืองไทยที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมากมาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ได้อ่านและเรียนรู้ไปพร้อมกันกับการเตรียมคำแนะนำลูกค่ะ
รวมคำแนะนำ สอนลูกไม่ให้ถูกล่วงละเมิด จาก 3 เพจหมอเด็กชื่อดัง
สอนลูกไม่ให้ถูกล่วงละเมิด หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน
จากกรณีเรื่องการถูกล่วงละเมิด หมอมีคำแนะนำดังนี้นะคะ
1. สอนลูกทั้งชาย หญิง และเพศหลากหลาย ไม่ควรสอนกับลูกสาวเพียงเท่านั้น เพราะการล่วงละเมิด จะเกิดกับใครและเพศใดก็ได้
2. เด็กเล็กๆไม่ต้องเน้นบอกรายละเอียดของการข่มขืน (เด็กโตที่รู้เรื่องแล้วอธิบายได้เลย) แต่เน้นไปที่การ "ละเมิดสิทธิ" ใช้ประโยค เช่น "มีบางคนเข้ามายุ่งกับร่างกายของเรา โดยที่เราไม่เต็มใจ และไม่อยากให้ทำ เช่น บางคนมาจับหน้าอก มายุ่งกับอวัยวะเพศ หรือบางทีก็ให้เราไปจับของเค้าโดยที่เราไม่ยินยอม"
3. สอนลูกเรื่อง "สิทธิในร่างกายตนเอง" ลูกเป็นเจ้าของร่างกายตนเอง มีสิทธิปฏิเสธ ไม่ให้ใครมาวุ่นวาย ไม่มีใครมีสิทธิในร่างกายเราโดยที่เรารู้สึกไม่เต็มใจ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนในหรือนอกครอบครัว
4. เลี่ยงการพูดเรื่อง "คนเหล่านี้ต้องถูกลงโทษ" ถูกเอาเข้าคุก ถูกประหารชีวิต เพราะร้อยละเกือบ 80 ของคดีล่วงละเมิดทางเพศในเด็กและเยาวชน "เกิดจากคนใกล้ชิด" การพูดว่าคนเหล่านี้ต้องถูกลงโทษ หลายครั้งทำให้เด็กที่ตกเป็นเหยื่อ ไม่กล้าบอกใคร ด้วยความกลัวเรื่องร้ายจะเกิดกับคนในครอบครัว บอกลูกแค่คนเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไข ให้ไม่กระทำความผิดกับใครอีก
5. บอกลูกเสมอ ไม่ว่าจะอย่างไร "การถูกข่มขืน ไม่ใช่ความผิดของผู้ถูกกระทำ" ไม่ใช่ความผิดของการแต่งตัวไม่เรียบร้อย ใส่ขาสั้น เมาหรือไม่ดูแลตัวเองให้ดี "ไม่มีใครมีสิทธิที่จะข่มขืนหรือละเมิดใคร" ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรก็ตาม
6. สอนลูกเรื่องการไม่อยู่ในที่ลับตาคนสองต่อสองกับครู/ผู้ใหญ่คนไหน ถ้ารู้สึกว่าอันตราย ให้หาใครไปเป็นเพื่อนด้วยเสมอ
7. บอกลูกว่าพ่อแม่จะอยู่กับลูกเสมอ ถ้ามีใครมาทำอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดใจ ให้บอกพ่อแม่ได้ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใครก็ตาม
8. ข้อนี้ขอกาสามดาว *** ไม่บังคับให้ลูกกอดหอมใคร หรือให้ใครมากอดหอมลูก โดยที่ลูกรู้สึกไม่เต็มใจ ลูกจะสับสนในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ และไม่แน่ใจในสิทธิของร่างกายตนเอง
9. ในเด็กโต เช่น วัยรุ่น พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูก ถึงเรื่องสัมพันธภาพที่ปลอดภัย สัญญาณอันตรายที่อาจทำให้มีความเสี่ยง เพศสัมพันธ์ควรเกิดแบบเต็มใจและไตร่ตรอง ทักษะชีวิต ทักษะปฏิเสธและการขอความช่วยเหลือ การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการคุมกำเนิดฉุกเฉิน
สุดท้าย บอกลูกเสมอว่า “ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนมีข้อแก้ตัวใดๆ กับการล่วงละเมิดเด็ก” และจะให้ดี ครอบครัวต้องทำให้เด็กเชื่อเช่นนั้น ด้วยการไม่ละเมิดกันทั้งทางกาย วาจา ใจ
รักลูก... พูดคุยกับลูกเรื่องเพศตั้งแต่เล็กๆ และทุกครั้งที่มีโอกาสนะคะ และเวลาที่ลูกอยากรู้ นี่ถือเป็นโอกาสทองของการคุยเรื่องเพศทุกครั้ง
ที่มาจากเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน
สอนลูกไม่ให้ถูกล่วงละเมิด โดย หมอมิน บานเย็น เพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา
ต้องสอนลูกตั้งแต่เล็กๆ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากการถูกทำอนาจารหรือล่วงละเมิดทางเพศ พ่อแม่ต้องสอนอะไรบ้างเพื่อไม่ให้ลูกตกเป็นเหยื่อ
- ตั้งแต่ที่ลูกยังเล็กควรสอนให้เด็กเรียนรู้จักอวัยวะเพศ เริ่มสอนช่วงที่เด็กเรียกอวัยวะได้ อย่างตอนอาบน้ำก็สอนเรียกอวัยวะเพศ ใช้ชื่อที่เด็กเข้าใจ ไม่ต้องเป็นชื่อทางการ โดยอาจจะเรียกของผู้ชายว่า จู๋ เจี๊ยว ของผู้หญิง ก็ ปิ๊ หรือจิ๋ม เพื่อที่เด็กจะได้รู้ว่าอวัยวะเพศนี้มีความสำคัญ และใช่ว่าใครก็ได้จะเห็นหรือสัมผัส
- บอกเด็กว่าส่วนไหนบนร่างกายที่เด็กและคนใกล้ชิดเท่านั้นที่เห็นได้ ถ้าอยู่กับคนอื่นๆต้องใส่เสื้อผ้าไม่ให้ใครเห็น แต่ในบางกรณี เช่น ถ้าไปหาหมอก็อาจจะทำได้เพราะพ่อแม่อยู่กับหนูด้วย เพราะหมออาจจะต้องตรวจร่างกายหนู
- บอกเด็กว่าส่วนไหนบนร่างกายที่ห้ามคนอื่นมาสัมผัส สอนให้เด็กรู้จักปฏิเสธ ถ้ามีคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่มาสัมผัส เช่น หน้าอก อวัยวะเพศ
ส่วนตัวหมอคิดว่า น่าจะบอกลูกให้ชัดเจนเลยว่า ห้ามให้ใครมาจับแก้ม หอมแก้ม จุ๊บปาก ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ ถ้าใครทำหรือมาขอจับ ให้บอกเค้าไปว่า พ่อแม่ไม่ให้ทำ และให้มาบอกพ่อแม่ จริงอยู่บางทีผู้ใหญ่อาจจะทำเพราะเอ็นดู แต่จริงๆ มีวิธีแสดงความเอ็นดูหลายอย่าง แถมยังไม่เสี่ยงติดโรคอื่นๆด้วย เช่น หวัด เป็นต้น
- ถ้ามีใครก็ตามที่มาจับหรือดูในส่วนของร่างกายที่พ่อแม่บอกว่าห้ามใครเห็นหรือจับ เด็กจะต้องรีบบอกพ่อแม่ทันที แม้ว่าคนที่ทำจะขอร้อง แต่ต้องบอกเด็กเลยว่าสำคัญมากที่ต้องมาบอกพ่อแม่ ตรงนี้ก็ต้องเน้น เพราะบางทีเด็กอาจจะถูกขอหรือขู่ ต้องบอกว่าถ้าเด็กมาบอกพ่อแม่ ยังไงพ่อแม่จะช่วยป้องกันไม่ให้ใครมาทำอะไรเขาได้
- สอนให้เด็กรู้ว่าถ้าใครก็ตามที่มาขอดูหรือจับส่วนนั้น ต้องพูดไปเลยว่า ไม่ได้ และอาจจะวิ่งหนีออกมา ไม่ต้องเกรงใจแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนที่เด็กเคารพก็ตาม (คนที่ทำอนาจารบางทีเป็นคนใกล้ชิดก็เจออยู่บ่อยทีเดียวค่ะ)
- อย่านิ่งนอนใจว่าลูกของคุณอยู่ในที่ๆปลอดภัย เพราะเหตุการณ์การถูกล่วงละเมิดครึ่งหนึ่งเกิดที่บ้านหรือสถานที่ที่ไม่ห่างจะบ้านเท่าไหร่ สถานที่อื่นๆเช่น โรงเรียน บ้านเพื่อน บ้านญาติ เป็นต้น
ถ้าไม่อยากให้เรื่องเศร้าเกิดขึ้นเกิดซ้ำอีก ผู้ใหญ่ก็ต้องช่วยกันดูแลและป้องกันเด็กๆของเรา คนละไม้คนละมือ
ที่มาจากเพจ เข็นเด็กขึ้นภูเขา
เพจ เลี้ยงลูกตามใจหมอ
#ทำไมเด็กไม่บอกผู้ใหญ่ตั้งแต่แรกที่โดนข่มขืน
"การถูกล่วงละเมิดทางเพศ" ถือเป็นเรื่องที่ถูกซุกอยู่ใต้พรมของประเทศไทยมานานมากแล้ว เพราะด้วยพื้นฐานหลายอย่างของบ้านเราที่ "เรื่องเพศ" ถูกจัดเป็นเรื่องที่ "ไม่ควรถูกพูดถึง" เวลาคุยกันเรื่องนี้มักอึดอัดทั้งคนพูดและคนฟัง ทำให้เราเลือกที่จะไม่พูดเรื่องเพศเพื่อตัดปัญหา บวกกับ "วิธีพูด" ที่ผู้ใหญ่อย่างเราสื่อสารทั้งทางตรงและอ้อมไปถึงลูกผ่านข่าว ผ่านเหตุการณ์ที่เข้ามาในชีวิต ...
"หอมลุงสิคะ" หรือ "ฟอด" ... เพื่อนแม่พุ่งเข้ามาหอมแก้มลูกโดยที่แม่ก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร - หมายความว่า การที่คนอื่นมาหอมแก้มก็เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องปกติที่ #เด็กอย่างเราปฏิเสธผู้ใหญ่ไม่ได้ ก็ยอมให้กระทำไป จากแก้ม มันจะลามไปส่วนอื่นอีกไหม ?
"ดูลูกบ้านนั้นสิ ริมีแฟนตั้งแต่เด็ก อย่าเอาเยี่ยงอย่าง" - หมายความว่า ถ้าเราคิดจะมีแฟน พ่อแม่คงไม่โอเค งั้นเวลามีใครเข้ามาคุยมาจีบ ก็ไม่ต้องบอกดีกว่า จะได้ไม่โดนดุ #รักในวัยเรียนเหมือนจุดเทียนกลางสายฝน แต่รู้ไหมครับว่า #บางคนก็ไม่สนเพราะมันกางร่มแล้วจุดเทียน 555 ดังนั้นรักได้ แต่ต้องดูแลตัวเองเป็น พ่อแม่ก็ต้องสอดส่องให้เหมาะสมและอยู่ในสายตา
เวลาดูข่าวข่มขืนพ่อแม่มักพูดว่า "ไอ้พวกเลวพวกนี้ต้องโดนติดคุกชั่วชีวิต ประหารชีวิตได้ยิ่งดี !!!" - แต่ชีวิตจริงคนที่กระทำเหล่านี้มักเป็นคนใกล้ชิด พ่อเลี้ยง พี่ชาย ลุง หรือแม้กระทั่งพ่อแท้ ๆ ถ้า "บอก" แล้วเรื่องแดงขึ้นมา คนที่เด็กอย่างเราเคารพรัก (?) ก็ต้องได้รับโทษ ต้องติดคุก งั้นก็ไม่ต้องบอกดีกว่าอยู่กับการเป็นผู้ถูกกระทำและ love-hate situation แบบนี้ต่อไปก็ดี
"แต่งตัวแรด ๆ แบบนั้น ไม่แปลกใจหรอกที่จะตั้งท้องตั้งแต่เรียน" คำที่พ่อแม่วิจารณ์เด็กใกล้บ้านที่เป็นพ่อแม่วัยใส หรือ "เพราะแต่งตัวแบบนี้ไง มันเลยโดนข่มขืน" เวลาพูดถึงการที่ผู้หญิงคนหนึ่งถูกข่มขืน - หมายความว่า เพราะ ผญ. แต่งตัวแรด วับ ๆ แวม ๆ เป็นเหตุให้ถูกกระทำ หมายความว่าเป็น ผญ. ไม่ดีถึงถูกกระทำ ... ดังนั้นถ้าเราถูกกระทำก็ไม่ควรบอกพ่อแม่ เพราะพ่อแม่จะผิดหวังที่มีลูกเป็นคนไม่ดี #หยุดป้ายความผิดมาลงที่เหยื่อ
หรือกระทั่งเรื่องทั่วไปที่ลูกพยายามจะเล่า แต่พ่อแม่พยายามจะสอน และตัดสิน ... สุดท้ายลูกก็เลือกที่จะไม่เล่า หรือแก้ปัญหาเองจนกลายเป็นเรื่องเตี้ยอุ้มค่อม นี่เรายังไม่นับการถูกกดดันด้วย "อำนาจ" ด้วย "เกรด" ด้วยอะไรก็แล้วแต่ทางสังคม ...
อันที่น่าเป็นห่วงก็คือ #เด็กกลัวพ่อแม่หาว่าเป็นเด็กขี้โกหก ... ความรู้สึกนี้อย่าให้ลูกเกิดครับ เพราะนั่นหมายความว่า พ่อแม่ไม่แสดงความเชื่อใจลูก จนลูกไม่มั่นใจตนเองว่า พูดไปพ่อแม่จะฟังเขา พ่อแม่จะเชื่อเขาครับ
หากใครอ่านข่าว #7ครูชาติชั่ว ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ที่มีจำเลย 7 คนเป็นครู 5 ศิษย์เก่าอีก 2 ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็ก ผญ. ต่ำกว่า 15 ปีมานานเป็นปี ... แล้วเกิดคำถาม (ซึ่งพ่อหมอเองเป็นหนึ่งในคนที่งงใจคนถามเหมือนกัน) ว่า "ทำไมเด็กถึงไม่บอกผู้ใหญ่ ตั้งแต่โดนข่มขืนครั้งแรก ทำไมถึงปล่อยให้มีครั้งต่อไป ?" ...
เฮ้ย ! นี่เรากำลังพูดถึง "การถูกข่มขืน" นะครับ และเรากำลังพูดถึงผู้ถูกกระทำที่อายุน้อยกว่า 15 ปี ... แค่เรื่องแรกก็เกิดบาดแผลในจิตใจหนักหนาสาหัสแล้ว ไหนจะกลัว ไหนจะอาย ไหนจะโดนขู่ ขู่ด้วยภาพ ขู่ด้วยวีดีโอที่ถ่ายไว้ (ตามข่าวว่ามี) ขู่ด้วยอำนาจความเป็นครู ด้วยเกรด ด้วยอะไรก็แล้วแต่ และเชื่อเถอะว่าถึงเป็นผู้ใหญ่เองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย เฮ้ย ... นี่เด็กอายุ 14 ... คุณคิดว่าเด็กจะหวาดกลัวแค่ไหนกัน
พ่อหมอไม่ได้ว่าวิชาชีพครูนะครับ นี่คือเรื่องของคนชั่วส่วนบุคคล มีคนกล่าวว่า ข่มขืน = การทำความผิด เกิดเป็นคน = ไม่ควรข่มขืนใคร และไม่ว่าจะเป็นใคร ครู, ตำรวจ, ทหาร = คน คำตอบก็คือ ข่มขืนยังไงก็มีความผิด
ขอยกคำของคุณจั๊ด ธีมะ ที่พ่อหมออ่านแล้วจี๊ดว่า สำหรับครูกลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องสอบ #วัดแววความเป็นครู แต่ควรสอบ #วัดแววความเป็นคน แทน ...
และขอทิ้งท้ายด้วยประโยคเดิมของพ่อหมออีกครั้ง
#คนดีที่ทำเลว ก็คือ #คนเลว
การเป็นคนดีใน 10 เรื่อง แต่เลวชาติ 1 เรื่องก็คือ "เลว"
ทุกคนเป็นคนดีในเรื่องเล่าของคนบางคนเสมอ
ทุกคนเป็นคนเลวในเรื่องเล่าของคนบางคนเสมอ
แต่เลวแบบประจักษ์ แบบผิดกฎหมายอาญา ก็คือ "เลว" นะจ๊ะ
ปล. อย่าลืมสอนลูกเรื่อง "พื้นที่สงวน" ที่ใครจะเปิดหรือจับก็ไม่ได้ รักษา "สิทธิ" ของตนเองเป็นตั้งแต่เล็ก การสอนให้ปฏิเสธเป็น สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ลูกกล้าที่จะพูดคุยซักถามเราได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่โดยไม่มีข้อแม้ และหยุดเลคเชอร์ลูก แต่ให้ฟังลูกจนเป็นนิสัยตั้งแต่วันนี้กันครับ
ที่มาจากเพจ เลี้ยงลูกตามใจหมอ