หลังจากที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ โควิด-19 กันมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว คุณพ่อคุณแม่คงเริ่มคุ้นเคยกับการปฎิบัติตัวต่อสถานการณ์นี้กันบ้างแล้ว แต่สำหรับเด็กๆ อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจในเหตุผลของการถูกกีดกันไม่ได้ออกจากบ้าน ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่น หรือแม้แต่การดูแลตนเองให้ปลอดภัยหากต้องออกไปนอกบ้าน จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยที่คุณพ่อคุณแม่ควรหันมา สอนลูกให้รับมือ โควิด-19 ด้วยวิธีการต่างๆ ที่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัยของเด็ก
วิธีสอนลูกให้รับมือ โควิด-19 ให้เหมาะสมตามช่วงวัย
เด็กเล็ก แนะนำให้ผู้ปกครองดูแลเรื่องสุขอนามัยเป็นพิเศษ หมั่นล้างของเล่นและของใช้ของลูกให้สะอาด หรือนำไปต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อโรคหากเป็นของเล่นที่ลูกสามารถนำเข้าปากได้ และไม่แนะนำให้ใช้ของเล่นร่วมกับเพื่อนบ้านหรืองดแบ่งปันของเล่นร่วมกับผู้อื่นเด็กขาด ที่สำคัญงดการพาลูกออกนอกบ้าน งดพาไปในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ยกเว้นเหตุจำเป็น เช่นการไปโรงพยาบาลเพื่อรับวัคซีน ก็ให้ปฎิบัติตัวตามวิธีการป้องกันอย่างเคร่งครัด
เด็กอนุบาล เด็กวัยนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องสอนเรื่องโรคเพราะเด็กยังไม่พร้อมที่จะทำความเข้าใจ และอาจจะทำให้ลูกรู้สึกสับสนและกังวลในการทำกิจกรรมต่างๆ แต่ให้คุณพ่อคุณแม่แนะนำในเรื่องใกล้ตัวง่ายๆ เช่นการสอนให้ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่ทุกครั้งที่จับสิ่งของนอกบ้าน และควรล้างด้วยระยะเวลาไม่น้อยกว่า 20วินาที โดยคุณพ่อคุณแม่อาจใช้การสอนให้ร้องเพลงไปด้วยในระหว่างที่ล้างมือ และกล่าวชื่นชมเมื่อทำได้ครบตามเวลาที่กำหนด สอนให้ลูกใส่หน้ากากอนามัยเมื่อจะออกจากบ้านทุกครั้ง หรือหากต้องออกนอกบ้านไปทำธุระให้หาของเล่นติดมือลูกไว้ เพื่อที่จะได้ไม่ไปหยิบจับสิ่งของอื่นๆนอกบ้าน
เด็กประถม เป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้เรื่องราวต่างๆรอบตัวได้มากขึ้นแล้ว ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกในการป้องกันตัวเพื่อรับมือกับโรคระบาด และอธิบายถึงอันตรายของโรคให้ลูกฟังคร่าวๆ พร้อมทั้งบอกเหตุผลในสิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกันโรค เช่น สอนให้ล้างมือบ่อยๆ ในเวลาไม่น้อยกว่า 20วินาที หรือ สอนไม่ให้นำมือมาสัมผัสใบหน้าเมื่ออยู่นอกบ้านเป็นต้น
เด็กวัยรุ่น เป็นช่วงวัยที่สามารถพูดคุยทำความเข้าใจกับลูกได้อย่างเต็มที่ แต่แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ใช้เหตุผลในการอธิบายและแนะนำ เช่นการงดไปในสถานที่เสี่ยง หรือแม้แต่การงดออกจากบ้านในช่วงเคอร์ฟิว พร้อมกับควรรับฟังความคิดเห็นของลูกว่ามีความเห็นหรือมีความรู้สึกอย่างไรต่อเรื่องนี้ ควรฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเพื่อลดความขัดแย้งทางอารมณ์ต่างๆ และที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ควรแสดงออกให้ลูกรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเหตุผลดังกล่าวเพราะความห่วงใยที่มีต่อเขา ไม่ใช่เพราะเป็นข้ออ้างในการบังคับลูกให้อยู่บ้านเท่านั้น
อย่าลืมนำไปปรับใช้กันดูนะคะ เพราะการใช้ชีวิตร่วมกับ โควิด-19 อาจจะมีช่วงระยะเวลาอีกนานหลายเดือน หรือจนกว่าจะมีวิธีป้องกันหรือรักษาโรคได้แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือการทำความเข้าใจในการใช้ชีวิตให้ถูกวิธีไปพร้อมๆกันทั้งครอบครัว
