คุณแม่ต้องรู้! วัคซีนพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเด็ก ช่วงวัยไหนควรฉีดวัคซีนตัวไหนบ้าง

2021-06-02 | โดย SandSky | เข้าชม : 116

คุณแม่ต้องรู้! วัคซีนพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเด็ก ช่วงวัยไหนควรฉีดวัคซีนตัวไหนบ้าง
คุณแม่ต้องรู้! วัคซีนพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเด็ก ช่วงวัยไหนควรฉีดวัคซีนตัวไหนบ้าง

การฉีดวัคซีนในเด็กเล็ก ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง ไม่ควรละเลย และควรจะฉีดวัคซีนให้ครบให้เหมาะสมกับเด็กๆ ในแต่ละช่วงวัย เพราะจะเป็นการช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย ช่วยเสริมพัฒนาการให้เป็นไปอย่างปกติ ช่วยให้ลูกน้อยห่างไกลจากการเสี่ยงเป็นโรคต่างๆ ได้ ไปดูกันว่า วัคซีนพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเด็ก ในแต่ละช่วงวัยควรฉีดตัวไหนกันบ้าง และการฉีดวัคซีนเด็กต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? 

วัคซีนพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเด็ก ช่วงวัยไหนควรฉีดวัคซีนตัวไหนบ้าง

สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย และกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้เด็กไทยทุกคน ต้องได้รับวัคซีนที่จำเป็นขั้นพื้นฐาน เพื่อป้องกันโรคที่เป็นปัญหาต่อสุขภาพที่สำคัญ และสร้างเสริมให้เกิดภูมิคุ้มกันตามช่วงวัย ดังนี้

คุณแม่ต้องรู้! วัคซีนพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเด็ก ช่วงวัยไหนควรฉีดวัคซีนตัวไหนบ้าง

วัคซีนป้องกันวัณโรค ( BCG Vaccine) เป็นวัคซีนที่ฉีดให้เด็กทุกคนก่อนออกจากโรงพยาบาล โดยฉีดที่ใต้ผิวหนัง บริเวณต้นแขน หรือหัวไหล่ด้านซ้าย หรือที่สะโพกด้านซ้าย แล้วแต่ข้อกำหนดของแต่ละโรงพยาบาล หลังฉีดจะไม่มีแผล ต่อมาประมาณ 3-4 สัปดาห์ จะเห็นเป็นตุ่มแดงบริเวณที่ฉีด อาจจะมีหนองหรือไม่มีหนองก็ได้ ให้ดูแลโดยเช็ดผิวหนังบริเวณนั้นให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ โดยเช็ดด้วยสำลีชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว หรือ เช็ดทุกครั้งที่เปียกชื้น ตุ่มนี้จะค่อยๆแห้งลงและเกิดเป็นแผลเป็นมีรอยบุ๋มตรงกลาง ประมาณ 3-6 สัปดาห์

วัคซีนตับอักเสบบี (Hepatitis B Vaccine : HBV) ต้องได้รับทั้งหมด 3 เข็ม โดยฉีดเข็มแรกตั้งแต่แรกเกิด เข็มที่สองเมื่ออายุครบ 1 เดือน  และเข็มสุดท้ายเมื่อเด็กครบ 6 เดือน

วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ((Diphtheria, Tetanus, Pertussis : DPT) โดยฉีดชุดแรก  3  ครั้ง  เมื่ออายุ 2 เดือน  4 เดือน และ 6 เดือน หลังจากนั้นควรมีการฉีดเพื่อกระตุ้นการทำงานของวัคซีนอีกครั้งในช่วงอายุ 1 ปี 6 เดือน  และเมื่อมีอายุ  4-6 ปี และฉีดเฉพาะ คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน สำหรับเด็กโต

วัคซีนโปลิโอ(Polio) โดยใช้วัคซีนโปลิโอชนิดฉีดร่วมกับวัคซีนโปลิโอรูปแบบกิน โดยเด็กๆ จะได้รับการหยอดวัคซีนโปลิโอรูปแบบกินจำนวน 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2 , 4, 6 เดือน, 1 ปี 6 เดือน และ 4 ปี และต้องได้รับวัคซีนโปลิโอชนิดฉีดเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน 1 ครั้ง เมื่อเด็กอายุ 4 เดือน

วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (Measles mumps rubella vaccine : MMR)  ฉีด 2 ครั้ง ครั้งแรก อายุ 9-12 เดือน และครั้งที่ 2 อายุ 2 ปี 6 เดือน

วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (Japanese encephalitis virus :JE) ฉีด 2 ครั้ง ครั้งแรก อายุ 9-12 เดือน และครั้งที่ 2 อายุ 2 ปี 6 เดือน

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (Influenza Vaccine) ควรฉีดทุกปี ปีละ 1 ครั้ง ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ถึง 18 ปี โดยปีแรกของการฉีดให้ฉีด 2 เข็ม เว้นระยะห่างกัน 4 สัปดาห์

วัคซีนเอชพีวี (HPV) ควรฉีดตั้งแต่  9 ปีขึ้นไป  ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี สาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 70-90 %

คุณแม่ต้องรู้! วัคซีนพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเด็ก ช่วงวัยไหนควรฉีดวัคซีนตัวไหนบ้าง

วัคซีนเสริมตัวอื่นๆ 

นอกจากวัคซีนขั้นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับเด็ก ยังมีวัคซีนเสริมตัวอื่นๆ ที่แนะนำอีกดังต่อไปนี้ 

  • วัคซีนโรต้าไวรัส (Rotavirus) ช่วยป้องกันโรคท้องเสียจากเชื้อโรต้าไวรัส เด็กๆ สามารถรับวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 2 และ 4 เดือน เป็นชนิดกิน ช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของโรคที่พบบ่อยๆในเด็กได้
  • วัคซีนนิวโมคอคคัส ( Invasive Pneumococcal Disease : IPD) ป้องกันโรคปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โดยวัคซีนชนิด PCV ควรฉีดในช่วงอายุ 2 เดือน 4 เดือนและ 6 เดือน จากนั้นจึงฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 1 ปี ถึง 1 ปี 3 เดือน
  • วัคซีนฮิบ  (Haemophilus influenzae type b Vaccine)  วัคซีนป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นวัคซีนที่อยู่ในวัคซีนชนิดรวม 1 เข็ม ป้องกันได้ 5 โรค คือ คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ตับอักเสบบี เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อฮิบ โดยฉีด 3 ครั้ง ตั้งแต่เด็กอายุ 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน
  • วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส  (Varicella vaccine) ป้องกันการติดเชื้อ วาริเซลลา ซอสเตอร์ ไวรัสฉีดทั้งหมด 2 เข็ม เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 1  ปีขึ้นไป  และอีกครั้งเมื่ออายุ 4-6 ปี หรือถ้ามีการระบาดของโรคสามารถฉีดเช็มที่สองก่อนได้ แต่ต้องห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน
  • วัคซีนไวรัสตับอักเสบ ชนิด เอ (Hepatitis A Vaccine) ต้องฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป
  • วัคซีนไข้เลือดออก   แนะนำให้ฉีด วัคซีนในเด็ก ที่มีอายุตั้งแต่ 9 ปีขึ้นไป ต้องมีประวัติเคยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกมาก่อน และปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนรับวัคซีน  โดยฉีด 3 ครั้ง เว้นระยะ 6 เดือน และ 12 เดือนจากการฉีดเข็มแรก

ฉีดวัคซีนเด็กต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? 

  1. อย่าลืมนำสมุดบันทึกสุขภาพของเด็ก หรือสมุดวัคซีนไปด้วยทุกครั้ง แพทย์จะได้ดูประวัติสุขภาพและลงบันทึกติดตามการรับวัคซีนให้ครบตามกำหนด
  2. เมื่อถึงกำหนดนัด ถ้าเด็กมีไข้ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปจนกว่าอาการไข้จะหาย
  3. ถ้าไม่สามารถมารับวัคซีนได้ตามนัด ควรพาเด็กไปรับวัคซีนให้ครบ ไม่ว่าจะเว้นไปนานเท่าไรก็ตาม ก็สามารถให้ต่อเนื่องได้ โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่
  4. ถ้าเด็กเคยมีอาการรุนแรงหลังฉีดวัคซีน เช่น ชัก ไข้สูงมาก บวม แดง บริเวณที่ฉีด มีผื่นลมพิษขึ้น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีดวัคซีนครั้งต่อไป
  5. หลังฉีดวัคซีน ควรนั่งพักรอเพื่อสังเกตอาการแพ้วัคซีนที่ โรงพยาบาล อย่างน้อย 30 นาที
  6. ไม่ควรลืมเวลานัดการฉีดวัคซีนของเด็ก ตั้งแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ไว้ก็ได้เพื่อจะได้กันลืม

ข้อมูลจาก : paolohospital, synphaet