นับตั้งแต่มีการระบาดของไวรัส โควิด-19 ในประเทศไทย จะเห็นได้ว่าวิถีชีวิตประจำวันของมนุษย์มีความเปลี่ยนแปลง อาทิ ทำงานที่บ้าน, สั่งอาหารผ่านออนไลน์, ไม่จับกลุ่มสุงสิงกับใคร เป็นต้น มีการคาดการณ์ว่า หลังจากนี้ถ้าวิกฤตโควิด-19 ผ่านพ้นไป พฤติกรรมผู้บริโภคจะก้าวเข้าสู่การใช้ชีวิตแบบ New Normal หรือ ความปกติในรูปแบบใหม่ โดยสรุปมีทั้งหมด 8 พฤติกรรม New Normal ด้วยกัน อ่านไว้เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับพฤติกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค
New Normal คืออะไร
8 พฤติกรรมของผู้คนที่จะก้าวเข้าสู่ New Normal หลังผ่านพ้นโควิด-19
1. งานบ้านต่าง ๆ เข้าสู่โลกดิจิทัล (Digitized Chore) / ยอดขายจาก ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพิ่มมากขึ้น
ผู้คนอยู่บ้าน เพื่อเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม จึงทำให้มองหาความสะดวกมากยิ่งขึ้น ในการซื้อของ หรือทำอาหารกินเอง โดยใช้โทรศัพท์มือถือสั่งของผ่านโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของใช้ในบ้าน อาหาร หรือข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น จะไม่มีกำแพงกั้นในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านค้า กับการสั่งออนไลน์ จึงคาดการณ์ ได้ว่ายอดขายจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะเพิ่มสูงมากขึ้น
- รวมร้านขายต้นไม้ฟอกอากาศ ปลูกได้ในบ้านในคอนโด เพิ่มมุมสดชื่น
- 7 วิธีประหยัดค่าไฟ ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้นะ
2. อยู่บ้านอย่างมีสไตล์ (In Home in Style) การลงรูปอาหารบนโลกโซเชียล ถือเป็นความปกติ
ชีวิตบนโลกโซเชียลจะมาพร้อมโลกส่วนตัวให้ได้เห็น เน้นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ผู้บริโภคจะสั่งอาหารที่สะอาด ปลอดภัย มาในแพ็กเกจรักษ์โลก พร้อมถ่ายรูปลงอินสตาแกรมกันมากขึ้น และจะกลายเป็นความปกติแบบใหม่ ในการลงรูปอาหารบนโลกโซเชียล ภาพของการทำอาหารที่้้บ้าน กินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว จะถูกแทนที่ด้วยพฤติกรรมนี้ อีกทั้ง ยอดการช้อปปิ้งออนไลน์ ก็จะเพิ่มมากขึ้นในแต่ละครั้ง การเดินทางออกไปซื้อของเองจะลดลง
- แนะนำ 5 หม้อทอดไร้น้ำมัน ไอเท็มเข้าครัวยอดฮิต ตัวช่วยทำอาหารที่ปังที่สุดตอนนี้
- ชวนเข้าครัว สูตรอาหารหวาน-คาว ทำตามง่ายๆ ฉบับแม่ขวัญศรี Maekwansri
3. สะอาด 5 สัมผัส (Sanitized of Five Senses) / การสั่งงานด้วยเสียง จะกลายเป็นสิ่งจำเป็น
คาดการณ์ว่า สินค้าและบริการต่างๆ หลายประเภท จะต้องยกระดับความสะอาดให้กับผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจะกลายเป็นของใช้ประจำวัน ช่องชำระสินค้าแบบไร้การสัมผัส จะสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่ เทคโนโลยี การสั่งงานด้วยเสียงจะกลายเป็นสิ่งจำเป็น ในสถานที่หรูหรารวมถึงร้านค้าปลีกด้วย และผุ้บริโภคเองยังคงคาดหวัง ให้ร้านค้าวางเจลแอลกอฮอล์รวมถึงมีบรรจุภัณฑ์ถูกสุขอนามัยให้
4. เก่งเทคโนโลยีการเงิน (Tech-finance Literacy) / สังคมไร้เงินสด
สังคมไร้เงินสดที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งจะยังคงดำเนินต่อไป ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เพราะคำนึงเรื่องความปลอดภัยของคน ที่ต้องทำธุรกรรมทางการเงินโดย เราจะยังได้เห็น พฤติกรรมการทำธุรกรรมทางการเงิน ผ่านโลกดิจิทัล, ดิจิทัลแบงกิ้ง (Digital Banking) หรือ ธนาคารแบบออนไลน์, แอปพลิเคชัน e-Wallet ซึ่งถือเป็นใบเบิกทาง สู่การทำทุกอย่างให้เป็นอีคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้นด้วย
5. วิตกเรื่องสุขภาพ (Anxious about Health) หาวิธีดูแลตนเอง และหาหมอผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น
ทุกคนจะดูแลป้องกันสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนเจนวาย (Gen Y) รวมถึงขยายไปยังวัยอื่น ๆ ด้วย เพราะข้อมูลทางการแพทย์ที่เผยว่า การรักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ จะช่วยป้องกันไวรัสได้ ดังนั้นแล้วอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น , การหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการของโรค จะเป็นสิ่งที่คนทำมากที่สุด ในการสังเกตอาการของตนเอง, การตรวจรักษากับแพทย์ผ่านระบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น, การให้คำปรึกษาทางสุขภาพกายและสุขภาพจิตแบบออนไลน์จะเป็นสิ่งสำคัญด้านสุขภาพ และชีวิตความเป็นอยู่
6. รูปแบบใหม่ของความเชื่อมั่น (Nouveau Trust) / ข้อมูลและคอนเทนต์ที่ถูกต้อง สุขอนามัยของแบรนด์
ผู้บริโภคจะต้องการข้อมูลและคอนเทนต์ที่ถูกต้อง สินค้าที่มีการตรวจสอบย้อนกลับได้ บรรจุภัณฑ์ของอาหารที่ผู้บริโภคสั่งมารับประทาน และนำเข้าไมโครเวฟได้ จะต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ถูกสุขอนามัย และปิดมิดชิด แบรนด์ใดผ่านเกณฑ์เหล่านี้ผู้บริโภคคนไทยจะสนใจเพิ่มมากขึ้น จะเกิดความรู้สึกเชื่อใจในปัจจัยด้าน ‘สุขอนามัย’
7. การเปลี่ยนคุณค่าของ ความนิยมและพฤติกรรมการเสพสื่อ (Conversion of Media Appreciation) / ข่าวปลอมต่างๆ จะลดน้อยลง
สื่อจะมีการปรับเปลี่ยน เนื่องมาจากความต้องการพื้นฐานด้านสุขอนามัย ทั้งการยกระดับด้านสุขอนามัย การปรับเปลี่ยนสื่อต่างๆ ทั้งในโรงภาพยนตร์ งานอีเวนต์ การทดสอบผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคจะใช้เวลาในโลกออนไลน์ยาวนานขึ้น รวมถึงแพลตฟอร์มต่างๆ จะถูกเชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อ อันเป็นผลจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค และการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวมากขึ้น การรวมพลังทางสังคมจะเกิดขึ้น และแข็งแกร่งกว่าครั้งใดๆ นำไปสู่การลดความแตกแยก เนื่องจากมีการคำนึงถึงส่วนรวม แทนการคำนึงถึงแต่ส่วนตน ข่าวปลอมต่างๆ จะลดน้อยลง สัญญาณข้อมูลต่างๆ (Data Signal) จะมีความละเอียดมากขึ้น โดยจะถูกนำไปผูกกับการระบุพิกัด (Geolocation) โดยผู้บริโภคจะยินยอมให้ข้อมูลส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีคุณภาพอย่างยั่งยืน
8. การผสานกันของบ้านและหน้าที่ (Evolving of Home and Duty) / ครอบครัวยุคดิจิทัลเกิดสัมพันธ์ใหม่ / การเรียนหนังสือออนไลน์จากที่บ้านเป็นไปได้ในอนาคต
เนื่องจากการเว้นระยะห่างทำให้ทำงานจากที่บ้านหลายสัปดาห์ ส่งผลให้ผู้บริโภคเข้าใจความหมาย ของการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวมากขึ้น อาจจะส่งผลให้ถวิลหาบรรยากาศที่บ้านเวลาไปที่ทำงาน เพื่อบริหารจัดการชีวิตให้มีประสิทธิภาพ การใช้ชีวิตกับครอบครัวในช่วงการเว้นระยะห่างทางสังคม ถือเป็นครอบครัวยุคดิจิทัลทำให้เกิดสัมพันธ์ใหม่ระหว่างบ้านและภาระหน้าที่ โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีลูกเล็กอาศัยอยู่ สิ่งนี้ไม่ต่างจากการเรียนหนังสือจากที่บ้าน ซึ่งมีความเป็นไปได้ในอนาคต และหลายคนตั้งคำถามว่าการเรียนหนังสือจากที่บ้านอาจเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วสำหรับเด็กในยุคเจนซี (Gen Z) และเจเนอเรชันอัลฟ่า (Alpha Generation) หรือไม่ ด้านซอฟต์แวร์ที่จะช่วยอำนวยความสะดวก ในการดำรงชีวิตจะยังคงถูกคิดค้น และจะถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านต่างๆ ของชีวิตมนุษย์
ปล. ทั้งหมดนี้เป็นการคาดการณ์ของ ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณผู้อ่านจะอยู่ในบทบาทของคุณพ่อ คุณแม่ พนักงานออฟฟิศ ผู้บริโภค สถานประกอบการ หรือใด ๆ ก็ตาม เตรียมความพร้อมในการรับมือ กับพฤติกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคกันไว้ก่อน เพื่อที่จะได้ดำรงชีวิตต่อไปได้อย่างมีคุณภาพและไม่ตกเทรนด์
บทความแนะนำ
- สาระดีๆ การดูแลตัวเอง บทความเกี่ยวกับ โควิด-19 ในวันดีเฮ้าส์
- วิธีหารายได้เสริม ของคุณแม่ฟลูไทม์ ช่วง Covid-19
- คุณแม่ตั้งครรภ์ และ คุณแม่หลังคลอด ดูแลตัวเองยังไงไม่ให้เสี่ยง โควิด-19
- 7 ข้อคำแนะนำ อยู่อย่างไร เพื่อไม่ต้องเผชิญวิกฤต COVID-19 รอบ 2
